แม่ทัพใหม่ GGC วางยุทธศาสตร์หลักต่อยอด 3 ธุรกิจใหม่ เก็งปริมาณขายปีนี้นิวไฮต่อเนื่อง

นายกฤษฎา ประเสริฐสุโข กรรมการผู้จัดการ บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) เปิดเผยวิสัยทัศน์พร้อมสานต่อการเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม และขับเคลื่อนพลังแห่งการสร้างสรรค์ เพื่อคุณค่าที่ยั่งยืน ภายใต้กลยุทธ์ “The New Chapter of GGC to be the Sustainable Growth Business” สู่การเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน มุ่งเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจปัจจุบัน และสร้างโอกาสทางธุรกิจ ด้วยแนวคิด GGC DNA ประกอบด้วย Great in Green Business, Growth in BCG และ Compliance in ESGs

กรรมการผู้จัดการ GGC กำหนดยุทธศาสตร์หลัก เพื่อบรรลุเป้าหมายในระยะยาว ได้แก่

– ยุทธศาสตร์การยกระดับความสามารถในการแข่งขัน (Enhance Competitiveness) โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุน เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันตลอดห่วงโซ่อุปทานและสร้างการ Integrate ในมาบตาพุด

– ยุทธศาสตร์การเติบโตในธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม (Growth Portfolio) โดยมุ่งเน้นสร้างการเติบโตผ่านการลงทุนต่อยอดในธุรกิจเดิมของบริษัทฯ รวมถึงการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพใน 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel Business) ธุรกิจเคมีชีวภาพ (Biochemical Business) และธุรกิจส่วนประกอบอาหารและโภชนเภสัช (Food ingredient & Nutraceutical Business)

– ยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainability Development)

สำหรับการดำเนินงานที่จะมุ่งไปสู่ 3 ธุรกิจใหม่ บริษัทได้ตั้งเป้ากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITD) จะเพิ่มขึ้นเท่าตัวจาก 1,700 ล้านบาทในปีก่อน เป็น 3,000 ล้านบาทในปี 69 และจะเพิ่มเป็น 5,000 ล้านบาท ในปี 73 โดยจะมีสัดส่วนมาจากธุรกิจใหม่ 60% และธุรกิจเดิม40%

ส่วนทิศทางการดำเนินงานของธุรกิจใหม่ โดยธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel Business) บริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาร่วมกันกับ บมจ.ปตท. (PTT) เพื่อทำไบโอเจ็ต (biojet fuels) เพื่อเป็นการสนับสนุนน้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืน (sustainable aviation fuels) โดยปัจจุบันมีการศึกษาอยู่ 2 แนวทางคือ การใช้วัตถุดิบจากน้ำมันพืชใช้แล้ว และการใช้เอทานอล รวมไปถึงตลาดและเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปีนี้ ซึ่งจะต่อยอดการเติบโตภายในกลุ่มปตท. ที่มีการใช้น้ำมันอากาศยานอยู่แล้ว

ธุรกิจเคมีชีวภาพ (Biochemical Business) จะมีการขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์ปลายน้ำมากขึ้น เช่น ไบโอพลาสติก (Biodegradable Plastic) รวมไปถึงสินค้าได้มาตรฐาน Green Choice เป็นต้น และยังเดินหน้าลงทุนในโครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ เฟส 2 หลังจากประสบความสำเร็จในเฟส 1 โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปีนี้ หรือต้นปี 67 จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการทดสอบระบบ คาดว่าจะสามารถผลิตสินค้าและรับรู้รายได้เข้ามาในปี 67 เป็นต้นไป

ธุรกิจส่วนประกอบอาหารและโภชนเภสัช (Food ingredient & Nutraceutical Business) อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรต่างชาติราว 2-3 ราย เพื่อร่วมกันศึกษาพัฒนาโปรดักส์ เครื่องสำอางและอาหารเสริม ให้แก่ลูกค้าที่สนใจทำแบรนด์สินค้าของตนเอง คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในอีก 2 ไตรมาส ซึ่งเป็นการต่อยอดเพื่อให้สามารถเข้าใกล้กลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น

บริษัทวางงบลงทุนรวมปีนี้ไว้ที่ 2,500 ล้านบาท เพื่อรองรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ และปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต

*เป้าปริมาณขายรวมทุบสถิติต่อเนื่องพร้อมรักษาความสามารถการทำกำไร

นายกฤษฎา กล่าวว่า ด้านการดำเนินงานของธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก บริษัทคาดปริมาณขายรวมปีนี้จะยังเติบโตจากปีก่อนที่ทำสถิติสูงสุด 4.35 แสนตัน เป็นไปตามความต้องการใช้ไบโอดีเซล (B100) ที่เพิ่มขึ้น จากการสนับสนุนของรัฐบาล ซึ่งจะหนุนการเติบโต 20-30% ส่วนแฟตตี้แอลกอฮอล์ (FA) คาดจะทรงตัวจากปีก่อน เนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิตเต็ม 100% แล้ว ขณะที่ราคา FA ในปีนี้ยังคงมีความผันผวนต่อเนื่องจากปีก่อน แต่หากมีการปรับตัวลดลงก็จะไม่เกินระดับ 15% เนื่องจากดีมานด์ของจีนยังอยู่ในระดับที่ดีอยู่

“คาดว่ายอดขายในปีนี้ดีขึ้น จากดีมานด์ B100 เอทานอลเพิ่มขึ้น และแฟตตี้แอลกอฮอล์ที่ยังอยู่ในระดับที่ดี จากการสนับสนุนจากรัฐบาล จีนและหลายประเทศเปิดประเทศ แต่ในส่วนของราคาขายอาจจะมีปัจจัยกดดันจากภาพรวมเศรษฐกิจรวมที่เป็นช่วงสภาวะถดถอย และดอกเบี้ยขาขึ้นของสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตามบริษัทจะเดินหน้ามุ่งมั่นในการทำกำไรให้ไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านๆ มา”

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.พ. 66)

Tags: , , ,
Back to Top