เลือกตั้ง’66: เอกชนพอใจนโยบายศก.เพื่อไทย พร้อมร่วมมือหากเป็นรัฐบาล

นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ร่วมหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้บริหารหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยนายเศรษฐา กล่าวว่า ทุกพรรคการเมืองให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งในอดีต พท.เคยดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่สร้างความพึงพอใจให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก

ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคมีนโยบาย Digital wallet สำหรับคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ส่วนจำนวนเงินจะบอกทีหลัง แต่ไม่ใช่ 500-600 บาทแน่นอน และไม่สามารถนำไปซื้อเหล้าและบุหรี่ได้ แต่ให้เอาไปซื้อเครื่องมือทำการเกษตรได้ ซึ่งจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจได้เป็นทวีคูณ

แนวนโยบายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจนั้น จะไม่ใช้นโยบายประชานิยมเพื่อหาเสียงอย่างเดียว ไม่มีการบิดเบือนราคาสินค้าเกษตรแน่นอน โดยจะใช้วิธีการตามปรัชญา “นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” เพิ่มการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ สร้างรายได้ต่อไร่ให้กับเกษตรกร 3 เท่า จากมีรายได้ 1,000 บาทต่อไร่ เป็น 3,000 บาทต่อไร่ เพิ่มแหล่งกักเก็บน้ำในทุกพื้นที่

หาก พท.ได้รับโอกาสจากประชาชน เราจะดำเนินการตามนโยบายโดยไม่เสียวินัยการเงินการคลัง และสร้างเม็ดเงินภาษีสู่ประเทศ ให้ความสำคัญกับทุกกลุ่ม แม้จะเป็นกลุ่มชายขอบของสังคม หรือกลุ่มรายได้น้อย รวมทั้งปัญหาสังคม เพศสภาพ สิทธิเสรีภาพ ซึ่งพรรคให้ความสนใจกับการจัดงาน World pride parade 2028 เพราะนอกจากจะเป็นการแสดงออกด้านสิทธิเสรีภาพทางเพศแล้ว ยังสามารถส่งเสริมกระตุ้นภาคเศรษฐกิจได้ (Economic benefit) หาก พท.เป็นรัฐบาลจะพยายามทำให้เกิดขึ้นในประเทศไทย

“8 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยบอบช้ำไปมาก เรายินดีปรับปรุงแก้ไข ขอให้ภาคเอกชนสบายใจได้ สิ่งที่ดีเราจะสานต่อและพร้อมฟื้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น” นายเศรษฐา กล่าว

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานนโยบาย และประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจ พท. กล่าวว่า หลักการของพรรคในการผลักดันเศรษฐกิจมี 3 ด้านหลัก คือ

1.ภาครัฐจัดเก็บภาษีจากกำไรในการประกอบธุรกิจของภาคเอกชน 20% ดังนั้นภาครัฐถือเป็นหุ้นส่วนกับประชาชนในการนำเงินภาษีมากระตุ้นเศรษฐกิจ

2.เพิ่มกำลังซื้อ และเพิ่มอำนาจการจับจ่ายของประชาชน ผ่านการยกฐานเศรษฐกิจด้านล่างขึ้น ค้าขายจะดีขึ้น กำลังซื้อเพิ่ม การผลิต การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น การจัดเก็บภาษีจะเพิ่มขึ้น เพื่อมาดูแลประชาชนได้ดีขึ้น

3.ประเทศไทยต้องหาโอกาสจากวิกฤต ซึ่งมาจากปัจจัยจากต่างประเทศ ที่ส่งผลกระทบประเทศไทยหลายประการ ทำให้เศรษฐกิจยากจะฟื้นตัว เช่น ความขัดแย้งในรัสเซีย-ยูเครน สงครามการค้าจีน-สหรัฐ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการต่างประเทศของไทยยังไม่ดีพอ ดังนั้นเราต้องยึดถือในความเป็นเพื่อนกับทุกประเทศผ่านการเจรจาการค้าที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ใหญ่ของประเทศ เช่นการเจรจาการค้า FTA ต้องเดินหน้า การประมงของไทยกลับมายิ่งใหญ่ กำลังซื้อของภาคการเกษตรต้องกลับมา เศรษฐกิจต้องฟื้นตัวอย่างน้อย 5% การปรับขึ้นค่าจ้างแรงงาน 600 บาทต่อวัน และเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาทต่อเดือน เราเคารพในคณะกรรมการไตรภาคีซึ่งมีนายจ้าง ลูกจ้าง และภาครัฐ เสมอ

พร้อมย้ำว่า ภาคการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นประตูรองรับเม็ดเงินเข้าประเทศที่เร็วที่สุด และกระจายสู่ประชาชนได้ทันที หาก พท.เป็นรัฐบาลจะเร่งสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวจากปัจจับัน 1.9 ล้านล้านบาท เป็น 3 ล้านล้านบาท ผ่านการเพิ่มสายการบิน ส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการบิน การจัดการเที่ยวบิน และการบริหารด่านตรวจคนเข้าเมืองให้คล่องตัวมากขึ้น

ขณะที่สถานที่ท่องเที่ยวต้องปลอดภัย มีอาหารที่ดี สร้างอีเวนต์ดึงชื่อเสียงของไทยกลับคืนมา การขอวีซ่าต้องง่ายขึ้น โดยต้องอยู่ภายใต้การรักษาศักดิ์ศรีของประเทศ ต่างชาติเข้าไทยได้สะดวกขึ้น ขณะเดียวกัน คนไทยก็สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้สะดวกขึ้นเช่นกัน

“เรามีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ อย่างเร็ว เป้าหมายของเราจีดีพี 5% เชื่อว่าในอดีตที่เราเคยทำได้ เราเคยทำมาแล้ว เครื่องจักรที่มี เราเดินเต็มที่ กำลังรบเรามีพร้อม พลรบของเรา คือ ประชาชน ต้องได้รับการบำรุงฉีดยา ตอนนี้เศรษฐกิจไทยอยู่ในห้องไอซียู เราจะปั๊มหัวใจให้กลับมาโดยเร็ว” นพ.พรหมินทร์ กล่าว

นายกิตติ ลิ่มสกุล รองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวว่า นโยบายการคลังและนโยบายการเงินต้องมาพร้อมกัน โดยเฉพาะธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องมีเครื่องมือทางการเงิน ต้องกระจายความมั่งคั่งทางรายได้ กระทรวงการคลัง ต้องบริหารหนี้สาธารณะให้ดี ผู้มีรายได้ต้องเข้าสู่ระบบภาษี เพื่อเพิ่มรายรับด้านภาษีของไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ในระดับต่ำเกินไปที่ 14% บางประเทศ 17% ซึ่ง พท.จะศึกษามาตรการจูงใจให้ประชาชนและผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบการจัดเก็บภาษี

ขณะที่นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าไทยแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากการพูดคุย หารือกับพรรคเพื่อไทยแล้ว รู้สึกสบายใจที่ได้ฟังว่าการใช้งบประมาณจะมีแนวทางในการหารายได้มาสู่ระบบการเงินการคลังของประเทศมากขึ้น ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมาก หอการค้าไทย มีความเกี่ยวโยงกับภาคเกษตรเป็นส่วนมาก นวัตกรรมมีความสำคัญมาก ในการสร้างโอกาสที่จะทำให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นมา ทั้งนี้ ชื่นชอบนโยบาย Digital government เป็นอย่างมาก เชื่อว่าจะช่วยให้เกิดความโปร่งใส เชื่อว่าแนวทางที่พรรคเพื่อไทยเสนอมา เป็นเรื่องจับต้องได้ และมาสู่ภาคปฏิบัติได้จริง

“หากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ได้จัดตั้งรัฐบาล ขอให้เร่งจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วที่สุด ผมสบายใจที่ได้ยินแนวคิดต่างๆ ของพรรคเพื่อไทย ผมพร้อมให้ความร่วมมือ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศ ช่วยกันผลักดันหลายๆ เรื่อง” นายสนั่น กล่าว

นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอของภาคเอกชนในประเด็นต่างๆ เช่น

1.สนับสนุนให้มีการจัด World pride ในไทย

2.แก้ไขกฎระเบียบเพื่อเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองให้มากขึ้น

3.ลดภาษีสินค้าแบรนด์เนมสำหรับคนไทย

4.สร้าง Art Hub ซื้อขายผลงานศิลปะโดยไม่ต้องเสียภาษี

5.สร้าง Medical hub , Wellness hub และ Sport hub

6.ส่งเสริมกีฬามวยไทยสู่โอลิมปิก

7.สานต่อการส่งเสริมภาคการเกษตรผ่านแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13

8.เพิ่มแหล่งกักเก็บน้ำเพื่อการเกษตร ในภาคเหนือ และแก้ปัญหา PM2.5

9.ผู้ประกอบการที่พัก และโรงแรม ต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมด้านการจัดเก็บภาษี

10.เพิ่มการท่องเที่ยวคุณภาพสูง

11.เพิ่มช่องทางการตลาด และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับเอสเอ็มอี

12.อยากให้จัดตั้งองค์กรส่งเสริมสนับสนุนคอนเทนต์ไทย และการแข่งขันอีคอมเมิร์ซ เป็นต้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 มี.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top