SCC โชว์กำไร Q1/66 พุ่ง 87% รับผลปรับมูลค่ายุติธรรมเงินลงทุน SCG Logistics คาดงบลงทุนทั้งปี 4-5 หมื่นลบ.

บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/66 มีรายได้จากการขายเท่ากับ 128,748 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากยอดขายที่สูงขึ้นของทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะปริมาณขายเพิมขึ้นของธุรกิจเคมิคอลส์ จากการกลับมาดำเนินการผลิตโรงงานระยองโอเลฟินส์ (ROC) ในช่วงต้นเดือน ก.พ. EBITDA เท่ากับ 12,170 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากผลประกอบการที่ดีขึ้นของธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและธุรกิจแพคเกจจิ้ง รวมทั้งส่วนต่างราคาขายและปริมาณขายสินค้าเคมีภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าไตรมาสก่อนเป็นช่วงที่มีรายได้เงินปันผลรับ

ขณะที่กำไรสำหรับงวดเท่ากับ 16,526 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,369 ล้านบาท จากไตรมาสก่อน ส่วนใหญ่มาจากกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนใน SCG Logistics จากการรวมธุรกิจ SCGJWD Logistics ของธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ทั้งนี้ กำไรที่ไม่รวมรายการพิเศษ (Profit excluding extraitems) อยู่ที่ 4,516 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,446 ล้านบาท จากไตรมาสก่อน จากส่วนต่างราคาขายสินค้าเคมีภัณฑ์และปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับต้นทุนพลังงานที่ลดลง

เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน SCC มีรายได้จากการขายลดลง 16% ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจเคมิคอลส์ EBITDA ลดลง 31% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่กำไรเพิ่มขึ้น 87% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรที่ไม่รวมรายการพิเศษ (Profit excluding extraitems) ลดลง 42% จากปีก่อน สาเหตุหลักจากปริมาณขายและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ลดลงของธุรกิจเคมิคอลส์ รวมทั้งต้นทุนพลังงานที่เพิมขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ธุรกิจแพคเกจจิ้ง (SCGP) มีรายได้จากการขายในไตรมาส 1/66 เท่ากับ 33,729 ล้านบาท ลดลง 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน EBITDA เท่ากับ 4,474 ล้านบาท ลดลง 9% เมือเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสำหรับงวดเท่ากับ 1,220 ล้านบาท ลดลง 26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ไตรมาส 1/66 SCC มีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม 2,665 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 794 ล้านบาท หรือ 42% เมือเทียบกับไตรมาสก่อน โดยส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมในธุรกิจเคมิคอลส์คิดเป็น 36% ของทั้งหมด หรือ 955 ล้านบาท ลดลง 153 ล้านบาท จากไตรมาสก่อน ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมในธุรกิจอื่นคิดเป็น 64% ของทั้งหมดหรือ 1,710 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 947 ล้านบาท จากไตรมาสก่อน

ส่วนเงินปันผลรับในไตรมาส 1/66 เท่ากับ 143 ล้านบาท ลดลง 1,153 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม (ถือหุ้น 20-50%) เท่ากับ 112 ล้านบาท และจากบริษัทอื่น (ถือหุ้นต่ำกว่า 20%) เท่ากับ 31 ล้านบาท

เงินสดและเงินสดภายใต้การบริหาร ณ สิ้นไตรมาส 1/66 เท่ากับ 94,100 ล้านบาท เทียบกับ ณ สิ้นไตรมาส 4/65 ซึ่งอยู่ที่ 95,402 ล้านบาท เงินทุนหมุนเวียนสุทธิ 103,714 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน 2% โดยมีอัตราหมุนเวียนสินค้าคงเหลือต่อต้นทุนขายเท่ากับ 68 วัน ลดลงเมื่อเทียบกับ 75 วันในไตรมาสก่อน (ไตรมาส 4/65)

ขณะที่รายจ่ายลงทุนและเงินลงทุนสำหรับไตรมาส 1/66 มีมูลค่า 8,921 ล้านบาท โดยสัดส่วนการลงทุนเป็นของธุรกิจเคมิคอลส์ 52% ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง 19% ธุรกิจแพคเกจจิ้ง 19% และส่วนงานอืน 10% โดยรายจ่ายลงทุนและเงินลงทุนส่วนใหญ่ใช้สำหรับโครงการปิโตรเคมีครบวงจรของ LSP ทั้งนี้ คาดการณ์รายจ่ายลงทุนและเงินลงทุนสำหรับปี 66 อยู่ทีประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาท

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 เม.ย. 66)

Tags: , , , , , ,
Back to Top