อิตาลี มอบวัคซีนไฟเซอร์ไบวาเลนท์ให้ไทย 7 ล้านโดส

กระทรวงสาธารณสุข รับมอบวัคซีนไฟเซอร์ไบวาเลนท์ (Bivalent) จำนวน 7 ล้านโดส จากสาธารณรัฐอิตาลี เพื่อสำรองไว้ให้กลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนโควิดประจำปี พร้อมวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ลดการป่วยหนักและเสียชีวิต

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข รับมอบวัคซีนโควิด-19 รุ่น 2 หรือไบวาเลนท์ (Bivalent) จากสาธารณรัฐอิตาลี โดยมีนายเปาโล ดีโอนีซี (H.E. Mr.Paoplo Dionisi) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย นางฟรานเชสก้า บลาโซเน่ (Mrs. Francesca Blasone) อัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทยและคณะ เป็นผู้แทนส่งมอบ โดยมีแผนการเตรียมมอบวัคซีนไฟเซอร์รุ่น 2 จำนวน 7 ล้านโดส

นายอนุทิน กล่าวว่า ในนามรัฐบาลไทยและกระทรวงสาธารณสุข ขอขอบคุณรัฐบาลสาธารณรัฐอิตาลี ที่ประสงค์จะสนับสนุนวัคซีนให้กับประเทศไทย โดยเป็นวัคซีนไฟเซอร์รุ่น 2 จำนวน 7 ล้านโดส ถือเป็นการตอกย้ำความร่วมมือที่แข็งแกร่ง และความสัมพันธ์ทางการทูตที่แน่นแฟ้นยาวนานกว่า 155 ปี มีความร่วมมือกันในการพัฒนาเทคโนโลยี การศึกษา การท่องเที่ยว วัฒนธรรม รวมถึงเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญ

สำหรับวันนี้ ถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีกระดับ จากการสนับสนุนทางด้านสาธารณสุข ด้วยการบริจาควัคซีนโควิด-19 เพื่อให้ประชาชนทุกคนในประเทศไทย สามารถเข้าถึงวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ลดการป่วยหนักและเสียชีวิต

อย่างไรก็ดี ขณะนี้วัคซีนยังไม่ได้นำส่งถึงประเทศไทยอย่างเป็นทางการ แต่อยู่ในกระบวนการหารือเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการส่งมอบ โดยมีกรมยุโรป กระทรวงการต่างประเทศ ช่วยดำเนินการประสานงานอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ยังอยู่ในระหว่างการหารือการมอบวัคซีนโควิคชนิดโปรตีนซับยูนิต จากสาธารณรัฐอิตาลีให้แก่ประเทศไทยเพิ่มเติมด้วย

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 แม้ระบาดเพิ่มขึ้น แต่ไม่รุนแรง เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนจนมีความครอบคลุมสูงมาก ส่วนสายพันธุ์ใหม่ XBB.1.16 ไม่ได้มีอาการรุนแรงไปกว่าสายพันธุ์เดิม แต่ที่สำคัญคือ กลุ่มเสี่ยงเกิดอาการป่วยรุนแรงยังคงเป็นกลุ่ม 608 (ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และสตรีมีครรภ์) ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับเข็มสุดท้ายนานกว่า 6 เดือน ควรได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เนื่องจากยังมีความจำเป็นในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ซึ่งจะช่วยไม่ให้ป่วยอาการหนักและเสียชีวิตได้ดี โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง

กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้สถานพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศจัดจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 พร้อมบริการฉีดควบคู่ “วัคซีนไข้หวัดใหญ่” เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน และให้เร่งสื่อสารทำความเข้าใจเรื่องการฉีดวัคซีนประจำปี เพื่อเตรียมตัวรับมือการแพร่ระบาดของโรคในช่วงฤดูฝน ส่วนข้อกังวลกรณีจะมีการระบาดของโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่พร้อมกัน ยืนยันว่ามีความพร้อมดูแล ทั้งยาและเวชภัณฑ์ต่างๆ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 พ.ค. 66)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top