BGRIM ปีนี้เดินหน้าเพิ่มกำลังผลิตอีก 528 MW หลังผลงานโค้งแรกของปีฟื้นตัวแข็งแกร่ง

นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/66 ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานvยู่ที่ 379 ล้านบาท จาก 34 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากวิกฤตราคาก๊าซ

ขณะที่กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ อยู่ที่ 399 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการฟื้นตัวของกลุ่มโรงไฟฟ้าเพื่ออุตสาหกรรม (SPP) และผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม โดยสามารถลดอัตราการใช้เชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า (heat rate) เฉลี่ยถึง 4.6% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการโรงไฟฟ้า SPP เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าเดิมทั้ง 5 โครงการ และการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนประมาณ 200,000 ตันต่อปี

สำหรับผลงานสำคัญที่เกิดขึ้นในไตรมาส 1/66 บี.กริม เพาเวอร์ ได้เชื่อมเข้าระบบของลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่ในประเทศไทย จำนวน 12.2 เมกะวัตต์ จากที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวม 34.4 เมกะวัตต์ ตามเป้าหมายการเชื่อมลูกค้าใหม่เข้าระบบตลอดทั้งปีที่ 50-60 เมกะวัตต์ โดยความต้องการไฟฟ้าส่วนใหญ่มาจากอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มเหล็ก และกลุ่มยางรถยนต์

นอกจากนี้ ในเดือน ก.พ.66 บี.กริม เพาเวอร์ ยังได้เข้าลงทุนในประเทศอิตาลีโดยการเข้าซื้อหุ้นใน RES Company Sicilia S.r.l. บริษัทผู้พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนในอิตาลี และในเดือน มี.ค.66 โครงการโรงไฟฟ้า SPP เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าเดิม เปิดดำเนินการครบทั้ง 5 โครงการ รวมกำลังผลิตไฟฟ้า 700 เมกะวัตต์ พร้อมด้วยประสิทธิภาพที่สูงขึ้น

ล่าสุดในเดือน เม.ย.66 บริษัทย่อยและบริษัทร่วมทุนจำนวน 9 บริษัทของกลุ่ม บี.กริม เพาเวอร์ ได้รับคัดเลือกเป็นผู้ผลิตและขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนจำนวน 339.3 เมกะวัตต์ ให้กับรัฐบาลตามประกาศคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน

นอกจากนี้ reNIKOLA Holdings Sdn. Bhd. (B.Grimm Malaysia ถือหุ้น 45%) เข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิตรวม 90 เมกะวัตต์ (DC) มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว 21 ปี กับ Tenaga Nasional Berhad (บริษัทสาธารณูปโภคไฟฟ้าหลักในประเทศมาเลเซีย)

นายฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวว่า บี.กริม เพาเวอร์ ให้ความสำคัญกับการร่วมมือกับพันธมิตรมาโดยตลอด โดยในเดือน ก.พ.66 บี.กริม เพาเวอร์ สมาร์ท โซลูชั่น ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับ อินโนพาวเวอร์ เพื่อความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาด ประกอบด้วย การศึกษาเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าด้วยไฮโดรเจน พัฒนาและประยุกต์ใช้แพลตฟอร์มการบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนการซื้อขายใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (REC) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะ และต่อยอดธุรกิจนวัตกรรมพลังงานใหม่ๆ ทั้งไทยและต่างประเทศ

นอกจากนี้ ยังร่วมกับบริษัท คาโอ อินดัสเตรียล ลงนามสัญญาซื้อขายใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (REC) เพื่อส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียนและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในภาคอุตสาหกรรม

สำหรับทิศทางในปี 66 บี.กริม เพาเวอร์ จะมุ่งขยายการลงทุนทั้งโครงการใหม่และการเข้าซื้อกิจการ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ประเทศเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น มาเลเซีย ทวีปยุโรป และภูมิภาคตะวันออกกลางโดยในส่วนของกำลังการผลิตจากโครงการที่เปิดดำเนินการแล้วคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 528 เมกะวัตต์ จาก 3,338 เมกะวัตต์ ณ สิ้นปี 65 เป็น 3,866 เมกะวัตต์ ณ สิ้นปี 66 จากโครงการโรงไฟฟ้า SPP เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าเดิม (BGPM2) โครงการโรงไฟฟ้าแบบผสมผสานอู่ตะเภาเฟสแรก และโรงไฟฟ้า SPP

ใหม่ 2 โครงการ (BGPAT2&3) รวมถึงการเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศมาเลเซีย  2 โครงการ (BGMCSB และ ISSB)

พร้อมตั้งเป้าเพิ่มลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) รายใหม่ เข้าเชื่อมระบบรวม 50-60 เมกะวัตต์ ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญในการควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยดำเนินการตามแผนควบคุมค่าใช้จ่ายของบริษัท เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 50-70 ล้านบาท

ในระยะยาว บี.กริม เพาเวอร์ ตั้งเป้าหมายสู่การเป็นผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลกและบรรลุเป้าหมายการก้าวสู่องค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero Carbon Emissions) ภายในปี 93 การขยายพอร์ตสู่กำลังการผลิต 10,000 เมกะวัตต์ ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในปี 73

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 พ.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top