เงินบาทเปิด 34.72 อ่อนค่า กังวลเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย จับตาถ้อยแถลงประธานเฟด

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 34.72 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจากปิดตลาดเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 34.64 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดโลก หลังดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบสกุลเงินหลัก เนื่องความความกังวลเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยว่ามีโอกาสกลับมาปรับขึ้นได้อีก แม้เฟดจะมีมติพักการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งที่ผ่านมาก็ตาม

“ตลาดยังไร้ทิศทางและปัจจัยใหม่ วันนี้น่าจะเป็นการย่อยข่าวความเห็นเจ้าหน้าที่เฟดแล้วรอฟังถ้อยแถลงสำคัญของประธานเฟดในวันพุธ ทิศทางบาทที่ผ่านมาจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 34.50 – 34.90”

นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 34.60 – 34.80 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (16 มิ.ย.) อยู่ที่ระดับ 1.97172% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 2.29038%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ 141.90 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 141.03 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.0937 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.0945 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 34.655 บาท/ดอลลาร์
  • มหาวิทยาลัยมิชิแกน เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 63.9 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 60.0 จากระดับ 59.2 ในเดือนพ.ค.
  • กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐไม่พบว่ามีคู่ค้ารายใหญ่ใด ๆ ที่ทำการปั่นค่าเงินเพื่อให้เกิดความได้เปรียบในด้านการส่งออก และสหรัฐยังได้ยุติการตรวจสอบเชิงลึกเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติด้านสกุลเงินของสวิตเซอร์แลนด์แล้ว เนื่องจากสวิตเซอร์แลนด์สามารถผ่าน 1 ใน 3 เกณฑ์เกี่ยวกับการปั่นค่าเงิน
  • ตลาดจับตาประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะแถลงรายงานนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันพุธที่ 21 มิ.ย. และจากนั้นจะแถลงรายงานนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐในวันพฤหัสบดีที่ 22 มิ.ย.
  • นักลงทุนจับตาธนาคารกลางจีนเตรียมแถลงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปี และ 5 ปี ในวันพรุ่งนี้ (20 มิ.ย.) ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR ทั้งประเภท 1 ปีและ 5 ปีในวันพรุ่งนี้ หลังจากที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีนลง 0.10% สู่ระดับ 2.65% จากระดับ 2.75% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
  • นักลงทุนจับตาธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีแนวโน้มที่จะเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตรา หลังจากเงินเยนร่วงลงอย่างหนัก ภายหลังจาก BOJ มีมติคงนโยบายการเงินผ่อนคลายเป็นพิเศษเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
  • นักเศรษฐศาสตร์ คาดมีโอกาสมากขึ้นที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ซึ่งเป็นการขยายวงจรการคุมเข้มนโยบายการเงินครั้งประวัติศาสตร์ออกไปจนถึงเดือนก.ย.
  • ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมิ.ยจากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 1/2566, ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนพ.ค.จากเฟดชิคาโก, ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือน พ.ค.จาก Conference Board, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือน มิ.ย.จากเอสแอนด์พี โกลบอล และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากเอสแอนด์พี โกลบอล

    โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 มิ.ย. 66)

    Tags: , ,
    Back to Top