BAY ให้กรอบบาทสัปดาห์นี้ 34.85-35.55 จับตาเงินเฟ้อสหรัฐ-โหวตนายกฯ

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ประเมินทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 34.85-35.55 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 35.17 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 34.84-35.31 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินดอลลาร์อ่อนค่าเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯพุ่งขึ้นในช่วงแรกสอดคล้องกับข้อมูลเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ ที่ยังแข็งแกร่ง

ขณะที่รายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ระบุว่าผู้ดำเนินนโยบายมีความเห็นร่วมกันที่จะคงดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันที่ 13-14 มิ.ย. เพื่อประเมินว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกจำเป็นหรือไม่ โดยกรรมการบางราย ต้องการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.เนื่องจากเงินเฟ้อลดลงช้า อนึ่ง กรรมการส่วนใหญ่ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นของแนวโน้มเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อ โดยเห็นว่าข้อมูลเพิ่มเติมจะมีความสำคัญสำหรับการพิจารณานโยบายที่เหมาะสมต่อไป

อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์เผชิญแรงขายทำกำไรท้ายสัปดาห์ ขณะที่ตลาดพันธบัตรผันผวน หลังสหรัฐฯ รายงานตำแหน่งการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด รวมถึงมีการทบทวนตัวเลขเดือนเม.ย. และพ.ค. ลดลงรวม 1.1 แสนตำแหน่งเมื่อเทียบกับที่เคยประกาศก่อนหน้านี้ โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิ 8,010 ล้านบาท แต่มียอดซื้อพันธบัตร 10,046 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี ระบุว่า นักลงทุนจะติดตามดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ โดยตลาดมองว่ามีโอกาสราว 92% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค.นี้ แต่ตลาดไม่แน่ใจว่าจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายของวัฎจักรหรือไม่ ทางด้านข้อมูลค่าจ้างในญี่ปุ่น บ่งชี้ว่าการก่อตัวของเงินเฟ้อกำลังชัดเจนและต่อเนื่องมากขึ้น ซึ่งอาจเข้าเงื่อนไขที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะตัดสินใจปรับนโยบายควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนในการประชุมวันที่ 27-28 ก.ค. ภาวะเช่นนี้อาจแนวโน้มหนุนค่าเงินเยนในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า

สำหรับปัจจัยในประเทศ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 0.23% น้อยสุดในรอบ 22 เดือน ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเพิ่มขึ้น 1.32% ขณะที่กระทรวงพาณิชย์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในไตรมาส 3 และ 4 จะอยู่ที่ 0.77% และ 0.62% ตามลำดับ ทั้งนี้ จากท่าทีของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เรามองว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 1 ครั้ง สู่ระดับ 2.25% ส่วนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี อาจส่งผลกระทบต่อ Sentiment การลงทุนในสินทรัพย์สกุลเงินบาทในระยะนี้

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ก.ค. 66)

Tags: , , , , ,
Back to Top