หุ้นไทยปิดเช้าลบ 7.30 จุด แกว่งแคบ รับแรงซื้อกลุ่มรพ.-พลังงานสลับแรงขายกลุ่มโรงไฟฟ้า

SET ปิดเช้าวันนี้ที่ 1,521.00 จุด ลดลง 7.30 จุด (-0.48%) มูลค่าซื้อขายราว 31,166 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าที่ผ่านมาแกว่งในกรอบแคบ มีทั้งแรงซื้อจากหุ้นที่งบไตรมาส 2/66 ออกมาดีอย่างกลุ่มรพ. และกลุ่มพลังงานที่รับแรงหนุนจากราคาน้ำมัน-ก๊าซธรรมชาติพุ่งขึ้น แต่ก็มีแรงขายจากลุ่มโรงไฟฟ้า ขณะเดียวกันนักลงทุนรอติดตามการจัดตั้งรัฐบาลซึ่งวันนี้มีพรรคชาติไทยพัฒนาเข้ามาเพิ่มอีก 10 เสียง หากได้เกินครึ่งคาดตลาดกลับมา ช่วงบ่ายคาดตลาดแกว่งไซด์เวย์ แนวรับที่ 1,522 จุด แนวต้านที่ 1,530 จุด

SET ปิดภาคเช้าวันนี้ที่ 1,521.00 จุด ลดลง 7.30 จุด (-0.48%) มูลค่าซื้อขายราว 31,166 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นภาคเช้าวันนี้ ดัชนีส่วนใหญ่แกว่งตัวในแดนลบ ทำจุดต่ำสุด 1,518.62 จุด และสูงสุด 1,531.49 จุด

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ เคลื่อนไหวแคบๆ ออกด้านข้าง โดยมีแรงเก็งกำไรหุ้นงบไตรมาส 2/66 ดี ได้แก่ กลุ่มการแพทย์ โดยเฉพาะ BH ที่มีแรงเก็งกำไรหนาแน่น มีกำไรดีกว่าคาดและมีการจ่ายเงินปันผล นอกจากนี้กลุ่มพลังงานก็ปรับตัวขึ้นมาตามราคาพลังงาน อาทิ PTTEP, PTT, TOP จากราคาน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวสูงขึ้น

ส่วน Domestic Play อาทิ กลุ่มโรงไฟฟ้า , BJC ถูกขายออกมา เนื่องจากโรงไฟฟ้ารับราคาก๊าซธรรมชาติสูงขึ้น ส่วน BJC ผลประกอบการไตรมาส 2/66 ต่ำกว่าคาด ทำให้ภาพตลาดเช้านี้มีทั้งแรงซื้อและแรงขายผสมกันในหุ้นใหญ่

นอกจากนี้ ตลาดติดตามพัฒนาการเมืองที่พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ในวันนี้ได้ 10 เสียงจากพรรคชาติพัฒนาเข้ามาเติมเสียงในฝั่งพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้มีจำนวน 238 เสียงแล้ว และรอดูภายในสัปดาห์นี้จะมีจำนวนเสียงเข้ามาเติมให้กับพรรคร่วมรัฐบาลเข้ามาหรือไม่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยระบุว่ารวมเสียงโหวตนายกรัฐมนตรีได้มากเกินกึ่งหนึ่ง หรือ 250 เสียง โดยหากทำได้คาดว่าดัชนี SET จะกลับมาที่เดิม ระดับ 1,540-1,550 จุดที่เป็นช่วงศาลรัฐธรรมนูญเลื่อนการพิจารณารับคำร้อกรณีรัฐสภามีมติตีความว่าการเสนอชื่อบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบในรอบที่ 2 เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา

แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย นายณัฐพล คาดว่าตลาดจะแกว่งไซด์เวย์รอดูจำนวนเสียงที่เข้ามาเติมให้กับพรรคร่วมรัฐบาล โดยให้แนวรับที่ 1,522 จุด แนวต้านที่ 1,530 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,242.01 ล้านบาท ปิดที่ 165.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท

BH มูลค่าการซื้อขาย 2,073.04 ล้านบาท ปิดที่ 241.00 บาท เพิ่มขึ้น 12.00 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,806.29 ล้านบาท ปิดที่ 126.00 บาท ลดลง 1.00 บาท

BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,580.29 ล้านบาท ปิดที่ 9.65 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,377.14 ล้านบาท ปิดที่ 35.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ส.ค. 66)

Tags: , ,
Back to Top