THG ลุยขยายธุรกิจในเมียนมา-เวียดนาม เล็งศึกษาต่อยอดธุรกิจใหม่คาดชัดเจน Q4/66

นายแพทย์ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจเฮลท์แคร์ครึ่งปีหลัง 66 ยังมีโอกาสขยายตัวอีกมาก โดยเฉพาะโรงพยาบาลในระดับทุติยภูมิทั้งในกรุงเทพฯและส่วนภูมิภาค ซึ่งปัจจุบันเริ่มกลับมาเติบโตเหมือนช่วงก่อนเกิดโควิด-19 โดยนับจากไตรมาส 3 เป็นต้นไปจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น อันเป็นผลจากการเข้ามารับการรักษาของกลุ่มผู้ป่วยโรคตามฤดูกาล

อาทิ ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก โรคในเด็กเล็ก ได้แก่ โรคมือ เท้า ปาก และโรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากไวรัส RSV ซึ่ง 1-2 เดือนที่ผ่านมา หลาย รพ.เครือ THG เริ่มเห็นสัญญาณบวก โดยเฉพาะ รพ.ในส่วนภูมิภาคที่มีผู้ป่วยกลุ่มนี้เข้ามารับการรักษาจำนวนมาก ขณะที่กลุ่มผู้ป่วยต่างชาติ โดยเฉพาะกัมพูชา ลาว ก็เดินทางเข้ามารับการรักษาเกือบเต็มอัตราปกติ คาดว่าจะส่งผลต่อเนื่องจนถึงปลายปี

นอกจากนี้ THG ก็อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนต่อยอดขยายธุรกิจใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์และเข้าถึงลูกค้าใน 3 ตลาดเป้าหมายนี้อย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะมีการประกาศแผนลงทุนที่ชัดเจนภายในไตรมาส 4 ปีนี้

สำหรับ ตลาดต่างประเทศ เตรียมขยายบริการทางการแพทย์เพิ่มเติมในเมียนมา หลังจากโรงพยาบาล Ar Yu International ติดตลาดได้รับการยอมรับจากลูกค้าว่าเป็น รพ. ระดับท็อปในเมียนมาร์ และทำกำไรให้ THG ต่อเนื่อง ส่วน เวียดนาม ที่มีการลงทุนศูนย์บริการตรวจสุขภาพเชิงลึก BeWell Wellness Clinic ในโฮจิมินห์ก็คืบหน้าไปมากแล้ว และยังมีแผนศึกษาความเป็นไปได้ที่จะขยายเพิ่มในอีก 2 เมือง ได้แก่ ดานัง และ โฮทรัม โดยคาดว่าเวียดนามจะเป็นอีกพื้นที่สำคัญในอนาคตของ THG เช่นเดียวกับเมียนมาร์

นายแพทย์ธนาธิป กล่าวว่า ครึ่งแรกของปี 66 ธุรกิจ THG ยังคืบหน้าในทิศทางที่ดีพร้อมลงทุนด้านเทคโนโลยีเพิ่มตามกลยุทธ์ที่วางไว้ นั่นคือ รุกตลาดด้วย Digital Health Tech และเร่งสร้าง Synergy กับ รพ.เครือข่ายและสตาร์ทอัพ พัฒนาบริการตอบโจทย์ 3 กลุ่มลูกค้าสำคัญ คือ 1.กลุ่ม B2C และ 2.กลุ่ม B2B ที่ดำเนินการผ่านบริษัทต่างๆ ในเครือ เริ่มจาก บริษัท เทเลเฮลท์ แคร์ จำกัด ที่พัฒนาหลายโปรเจคท์สำคัญด้านดิจิทัล ล่าสุดคือ แอปพลิเคชัน Prompt Care ให้บริการสุขภาพแบบครบวงจร ตั้งแต่นัดหมายและให้คำปรึกษาโดยแพทย์เฉพาะทางกว่า 20 สาขา แนะนำการใช้ยาและเวชภัณฑ์พร้อมจัดส่ง เคลมประกัน การจัดเก็บเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล ฯลฯ

นอกจากนี้ THG ยังขยายบริการคลินิกสุขภาพเข้าไปในสถานีบริการน้ำมันพีทีทีสเตชั่น ภายใต้ชื่อ พรีเมียร์ เฮลท์ คลินิก โดยการดูแลของโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง ที่จะเริ่มเห็นรายได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ปีนี้เป็นต้นไป ขณะที่โครงการดูแลผู้สูงอายุ ธนบุรี เฮลท์วิลเลจ ประชาอุทิศ ก็ได้เซ็นเป็นคู่สัญญาประกันสุขภาพผู้สูงอายุกับทางเมืองไทยประกันชีวิตเพื่อขยายฐานลูกค้าด้วย

ด้านกลุ่ม B2G ก็มี บริษัท ธนบุรี เสริมรัฐ จำกัด ที่รับบริหารศูนย์หัวใจ 3 แห่ง และรับบริหาร รพ.อบจ.ภูเก็ต ล่าสุดในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาก็ได้ขยายจำนวนเตียงผู้ป่วยโรคหัวใจมากขึ้นกว่าเท่าตัว และยังคงมองโอกาสสนับสนุนด้านการดูแลโรคเฉพาะทางอื่นๆ อาทิ โรคไต ร่วมกับภาครัฐในอนาคต ส่วน Horizon Rehab Center ศูนย์บำบัดและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยที่มีภาวะเสพติดทุกประเภทที่ดำเนินการโดย บริษัท ธนบุรี เวลบีอิ้ง จำกัด ก็มีชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเข้ามาบำบัดรักษาต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/66 ของ THG มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,515 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 152 ล้านบาท โดยรายได้จากธุรกิจให้บริการทางการแพทย์และรายได้โรงพยาบาลธนบุรี ตรัง สามารถเติบโตชดเชยกับรายได้โควิด-19 ประกอบกับการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นกว่าฐานปกติก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 66 ของ THG สามารถทำรายได้รวมอยู่ที่ 5,023 ล้านบาท กำไรสุทธิงวด 6 เดือน อยู่ที่ 402 ล้านบาท ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้กรอบเป้าหมายที่วางไว้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ส.ค. 66)

Tags: , ,
Back to Top