ไทยเตรียมเป็นเจ้าภาพประชุม FTA ไทย-อาฟตา คาดปิดดีลกลางปี 67

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ไทยเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) รอบที่ 6 กับกลุ่มประเทศเอฟตา ระหว่างวันที่ 12-15 ก.ย.66 ณ กรุงเทพฯ โดยจะมีทั้งการประชุมคณะกรรมการเจรจาการค้า ซึ่งมีอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายไทย กับนายมาร์คัส สลาเกนฮอฟ เอกอัครราชทูตผู้แทนสมาพันธรัฐสวิส ด้านความตกลงการค้าและหัวหน้าฝ่ายการค้าโลก ภายใต้คณะกรรมการกิจการเศรษฐกิจต่างประเทศ หัวหน้าทีมฝ่ายเอฟตา ซึ่งทำหน้าที่กำกับดูแลการเจรจาในภาพรวม และการประชุมกลุ่มย่อยของผู้เชี่ยวชาญ 11 คณะ ได้แก่ 1) การค้าสินค้า 2) มาตรการเยียวยาทางการค้า 3) มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช 4) การค้าบริการ 5) การลงทุน 6) การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ 7) ทรัพย์สินทางปัญญา 8) การค้าและการพัฒนาที่ยั่งยืน 9) ข้อบททั่วไป ข้อบทสุดท้าย และข้อบทเชิงสถาบัน การระงับข้อพิพาท 10) ความร่วมมือด้านและการเสริมสร้างศักยภาพ และ 11) วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)

นอกจากนี้ในช่วงต้นเดือน ต.ค.66 จะมีการประชุมกลุ่มย่อยอีก 2 คณะ คือ กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า และการอำนวยความสะดวกทางการค้า ที่กรุงเทพฯ เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญของ 2 กลุ่มดังกล่าวไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมในเดือน ก.ย.นี้ โดยทั้งสองฝ่ายตั้งเป้าหมายที่จะสรุปผลการเจรจาให้ได้ภายในกลางปี 2567

ทั้งนี้ เอฟตา ประกอบด้วยสมาชิก 4 ประเทศ คือ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ โดยในปี 2565 เอฟตาเป็นคู่ค้าอันดับที่ 14 ของไทย สำหรับในช่วง 7 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ค.66) การค้าระหว่างไทยกับเอฟตามีมูลค่า 5,337.13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปเอฟตามูลค่า 2,504.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากเอฟตามูลค่า 2,832.76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกหลักของไทย อาทิ อัญมณีและเครื่องประดับ นาฬิกาและส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องใช้สำหรับเดินทาง เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ส่วนสินค้าที่ไทยนำเข้าจากเอฟตา อาทิ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ นาฬิกาและส่วนประกอบ เนื้อสัตว์สำหรับการบริโภค ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ การแพทย์

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ก.ย. 66)

Tags: ,
Back to Top