จีนออกมาให้คำมั่นว่าจะเพิ่มการซื้อสินค้าจากประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังการเติบโตทางการค้าโดยรวมชะลอตัวลง เนื่องจากอุปสงค์ที่อ่อนแรงลงทั้งในระดับโลกและในประเทศ
นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีของจีนกล่าวในการประชุมธุรกิจร่วมกับคู่เจรจาจากอาเซียน (ASEAN) เมื่อวันอาทิตย์ (17 ก.ย.) ว่า “จีนพร้อมจะนำเข้าผลิตภัณฑ์จากประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนเพิ่มมากขึ้น”
ทั้งนี้ จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของทั้ง 10 ประเทศในอาเซียนมาตั้งแต่ปี 2563 โดยเวลานั้นเป็นช่วงที่ความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐและประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ ทวีความคุกรุ่น
ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2566 ยอดส่งออกของจีนปรับลดลง 5.6% เนื่องจากการทำการค้ากับสหรัฐและสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ ลดน้อยลง ส่วนการนำเข้าปรับตัวลดลง 7.6% ในช่วงเดียวกัน เนื่องจากยอดคำสั่งซื้อแผงจอแอลซีดี (LCD) และผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าร่วงลง 27%
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวนิกเกอิเอเชียรายงานว่า การลดลงดังกล่าวได้รับการชดเชยบางส่วนจากยอดส่งออกไปยังอาเซียน ซึ่งหันมาพึ่งพาจีนมากขึ้นสำหรับสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องจักรที่มีราคาไม่แพง จากเดิมที่เน้นพึ่งพาญี่ปุ่นและประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ
สมาคมผู้ผลิตยานยนต์จีน (CAAM) ระบุว่า ช่วง 7 เดือนแรกของปี 2566 ไทยและฟิลิปปินส์อยู่ใน 10 อันดับแรกผู้ซื้อรถยนต์รายใหญ่ของจีน โดยจีนมียอดขายเพิ่มขึ้น 74% แตะที่ 2.7 ล้านคัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ก.ย. 66)
Tags: การนำเข้า, สินค้าอาเซียน, อาเซียน, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้