MTC เซ็นกู้ตปท.5.3 พันลบ.พร้อมออกหุ้นกู้อายุ 2-4 ปี ดอกเบี้ยราว 4.25-5% หนุนขยายสินเชื่อ

นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมลงนามรับการสนับสนุนทางการเงินจากบริษัทเพื่อการลงทุนและการพัฒนาแห่งเยอรมนี (DEG – Deutsche Investitions- und Entwicklungsgesellschaft mbH) และ ธนาคาร ซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น (SMBC) ภายใต้กรอบวงเงิน 5,300 ล้านบาท เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้ารายย่อยของบริษัทฯ ได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนเพิ่มมากขึ้น

รวมทั้งบริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายงานข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ต่อผู้ลงทุนทั่วไป หรือที่เรียกว่า Public Offering ประกอบด้วย

หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี 10 วัน อัตราดอกเบี้ย [4.25-4.40%] ต่อปี

หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี 9 วัน อัตราดอกเบี้ย [4.75-4.90%] ต่อปี

และ หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 4 ปี 8 วัน อัตราดอกเบี้ย [4.85-5.00%] ต่อปี

หุ้นกู้ทั้ง 3 ชุดจ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ สำหรับอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนจะประกาศให้ทราบอีกครั้ง และคาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 19-20 และ 24 ตุลาคม 2566 นี้ อันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ และหุ้นกู้อยู่ในระดับ Investment Grade ที่ “BBB+” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566

วัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้ไปชำระคืนหนี้จากการออกตราสารหนี้ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อขยายกิจการของบริษัทที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทตั้งเป้าสินเชื่อปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 20% และเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำได้ตามแผนที่วางไว้

“การสนับสนุนทางการเงินจาก DEG และ SMBC จะส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสานต่อการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน สร้างโอกาสทางการเงินอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม พัฒนาความเป็นอยู่ที่ดี ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างสังคมให้เป็นสุข รวมถึงสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืน ตามเป้าหมายของสหประชาชาติ (SDGs) ได้อย่างต่อเนื่อง โดยวงเงินทั้งหมดได้ดำเนินการปิดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม จนได้รับการรับรองผลการประเมิน ESG MSCI Index ในปี 2566 ที่ระดับ AA ในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค (Customer Finance)” นายปริทัศน์ กล่าว

นายปริทัศน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ทั้งพักชำระหนี้และเงินดิจิทัล น่าจะช่วยให้ลูกค้าของบริษัทฯ มีสภาพคล่องมากขึ้น โดยนโยบายพักชำระหนี้จะส่งผลดีต่อกลุ่มเปราะบางจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงกลุ่มเกษตรกรที่เป็นลูกค้าของบริษัทฯ เมื่อได้รับการพักชำระหนี้ก็มีโอกาสจะนำเงินที่ไม่ต้องชำระหนี้มาสร้างผลผลิตและรายได้เพิ่มมากขึ้น ส่วนเงินดิจิทัลก็จะทำให้ลูกค้าของบริษัทฯ มีเงินเหลือและสามารถนำมาชำระหนี้ได้มากขึ้นตามไปด้วย

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.ย. 66)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top