โบรกนอกหั่นเป้าโรงไฟฟ้าใหญ่ มอง “เชิงลบ” นโยบายลดค่าไฟ-กระแสเงินสดอ่อนแอ-หนีโตตปท.เจอต้นทุนสูง

ยูบีเอส ออกบทวิเคราะห์ปรับมุมมองกลุ่มโรงไฟฟ้าของไทยเป็นลบ โดย Downgrade หุ้น BGRIM และ GPSC เป็น “ขาย”

โรงไฟฟ้าพลังก๊าซ เป็นหัวใจของอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้าของไทย ซึ่งความสามารถในการทำกำไรในขณะนี้เผชิญความเสี่ยงจากนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่ต้องการลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน เราจึงปรับมุมมองเป็นลบต่อกลุ่มบริการสาธารณูปโภคในประเทศไทย และ Downgrade หุ้นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ คือ BGRIM และ GPSC เป็น “ขาย” จากก่อนหน้านี้แนะนำ “ซื้อ” ขณะที่คงคำแนะนำ Neutral สำหรับหุ้น GULF โดยปรับลดคาดการณ์กำไรของแต่ละบริษัทในปี 66-68 ลง 18-100% และหั่นราคาเป้าหมายลง 20-56%

ปัจจัยที่มีผลต่อราคาหุ้น

1) นโยบายลดอัตราค่าไฟฟ้าลง – เรามองว่ารัฐบาลไทยมีจุดยืนที่จะปรับลดค่าไฟฟ้าลง 15% ถือเป็นปัจจัยเชิงลบต่อผู้ผลิตไฟฟ้าไทย เราคาดว่าค่าไฟจะลดลงอีก 8% ในปี 67 และ 5% ในปี 68

2) ราคาก๊าซไม่ลดลง – หลังจากราคาก๊าซเพิ่มขึ้น 80% ในปี 65 เราและตลาดคาดการณ์ว่าจะยังไม่ปรับลดลงในปีนี้ โดยราคาก๊าซลดลงเพียง 2% ในครึ่งแรกของปี 66 (จากค่าเฉลี่ยที่ 478 บาท/ล้านบีทียูในปี 65 เป็น 469 บาท/ล้านบีทียูใน 1H66) โดยผู้ผลิตไฟฟ้าคาดว่ามีความเป็นไปได้ที่ราคาก๊าซจะลดลงมาที่ 400 บาท/ล้านบีทียูในระยะกลาง

3) พลังงานทดแทน โครงการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทน 5.2 GW ซึ่งมีขึ้นเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว สามารถเข้ามาทดแทนการใช้ไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าก๊าซ แม้ว่ารัฐบาลใหม่จะยังไม่ได้เซ็นสัญญา PPA และยังไม่รู้ว่าการประมูลในเฟสที่ 2 อีกราว 4GW จะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่หากมีการลงนามแล้วคาดว่า GULF จะได้รับประโยชน์สูงสุดราว 50% ของสัญญาการประมูล

ความเสี่ยงใหม่ 3 ประการสำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้า

1) ธุรกิจ SPP มีแนวโน้มขาดทุน จากราคาก๊าซที่อยู่ในระดับราว 400 บาท/ล้านบีทียู ราคาก๊าซ และค่าไฟฟ้าที่ 3.5-4.0 บาท/กิโลวัตต์-ชั่วโมง อัตรากำไรของ SPP อาจติดลบในอนาคตอันใกล้ แม้ว่า กฟผ.อาจช่วยอุดหนุนราคาก๊าซ แต่จากนโยบายช่วยเหลือค่าไฟฟ้าที่ผ่านมาทำให้มีรัฐมีหนี้กับ กฟผ.อยู่ในระดับสูง 1.1 แสนล้านบาท ณ สิ้นปี 65

2) ความเสี่ยงในการออกไปเติบโตต่างประเทศ เนื่องจากขาดโอกาสในประเทศ เราจึงคิดว่าผู้ผลิตไฟฟ้าของไทยจะมองตลาดต่างประเทศอย่างจริงจังมากขึ้นเพื่อไล่ตามการเติบโต ซึ่งอาจนำไปสู่ภาระต้นทุนทางการเงิน

3) กระแสเงินสดเริ่มลดลง มีความเสี่ยงด้านเงินทุน: เมื่อพิจารณาจาก SPP ที่ขาดทุน ธุรกิจตอนนี้กระแสเงินสดจะอ่อนลง ส่งผลให้ผู้ผลิตที่มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนสูง 100-300% อาจพบว่าเป็นเรื่องยากสำหรับการขยายธุรกิจในต่างประเทศ

อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบ GULF กับ BGRIM และ GPSC พบวา BGRIM และ GPSC ได้รับผลกระทบมากขึ้นจากราคาก๊าซสูงขึ้นและค่าไฟฟ้าที่ลดลง แม้ว่าราคาหุ้นจะลดลง 19-41% YTD สำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าทั้ง 3 ราย แต่ก็ยังถือว่าราคาไม่ถูก โดยซื้อขายที่ 12-21 เท่า one year Foward EV/EBITDA ตามประมาณการใหม่ของเรา

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ต.ค. 66)

Tags: , , , , ,
Back to Top