ดาวโจนส์ปิดบวก 134.65 จุด ขานรับบอนด์ยีลด์ชะลอตัว

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (10 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ชะลอตัวลง หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาสนับสนุนการยุติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างระมัดระวัง

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,739.30 จุด เพิ่มขึ้น 134.65 จุด หรือ +0.40%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,358.24 จุด เพิ่มขึ้น 22.58 จุด หรือ +0.52% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,562.84 จุด เพิ่มขึ้น 78.60 จุด หรือ +0.58%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีชะลอตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี หลังจากนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตาแสดงความเห็นเมื่อวานนี้ว่า เฟดไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกต่อไปเพื่อให้เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย 2% เนื่องจากที่ผ่านมา เฟดได้ใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเพียงพอแล้ว และผลกระทบอีกมากจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในช่วงที่ผ่านมาก็ยังมาไม่ถึง นอกจากนี้ นายบอสติกยังเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่เผชิญภาวะถดถอย

การแสดงความเห็นของนายบอสติกสอดคล้องกับที่นางลอรี โลแกน ประธานเฟดสาขาดัลลัสกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า เมื่อพิจารณาจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากเพียงพอแล้ว เฟดก็อาจมีความจำเป็นน้อยลงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก

โมนา มาฮาจาน นักวิเคราะห์จากบริษัท Edward Jones กล่าวว่า การชะลอตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรช่วยพยุงตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 และช่วยบดบังปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง

ข้อมูลล่าสุดจาก FedWatch Tool ของ CME Group ระบุว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 86% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ย. และให้น้ำหนัก 73% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.

นักลงทุนจับตาการสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในปาเลสไตน์อย่างใกล้ชิด โดยกองทัพอิสราเอลยังคงเดินหน้าโจมตีทางอากาศอย่างต่อเนื่องและทำการปิดล้อมฉนวนกาซาอย่างสมบูรณ์ เพื่อตอบโต้กลุ่มฮามาสที่ก่อเหตุโจมตีอิสราเอลแบบไม่ทันตั้งตัวในช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลพุ่งขึ้นทะลุระดับ 1,000 ราย และยอดผู้เสียชีวิตในปาเลสไตน์เพิ่มขึ้นเป็น 788 ราย ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์สู้รบที่รุนแรงที่สุดในรอบ 75 ปี

หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก โดยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุด แต่หุ้นกลุ่มพลังงานอ่อนแรงลงตามทิศทางราคาน้ำมัน WTI

หุ้นเป๊ปซี่โค พุ่งขึ้น 1.9% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3/2566 ที่ระดับ 2.25 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.15 ดอลลาร์ และรายได้อยู่ที่ 2.345 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.339 หมื่นล้านดอลลาร์

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 19-20 ก.ย.ในวันนี้ รวมทั้งดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนก.ย.ในวันพฤหัสบดี เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ต.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top