หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ บอนด์ยีลด์สูงยังกดดัน เกาะติดสงครามตะวันออกกลาง

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ แต่ยังมีแรงกดดันจาก Bind yield สหรัฐที่ยังสูง และยังคงต้องติดตามสถานการณ์ระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสต่อเนื่อง ด้านตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้บวกและลบสลับกัน ส่วนปัจจัยในประเทศยังคงติดตามการรายงานงบฯไตรมาส 3/66 ต่อ พร้อมให้แนวต้าน 1,420 จุด แนวรับ 1,380 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์ แต่ยังคงมีปัจจัยกดดันต่อตลาดหุ้นจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bind yield) สหรัฐ 10 ปี ยังอยู่ไนระดับสูงเกือบ 5% ทำให้ตลาดหุ้นอาจจะยังถูกกดดัน ประกอบกับยังคงต้องติดตามสถาการณ์ระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสต่อเนื่อง ซึ่งยังคงต้องดูว่าการเจรจาจะเป็นอย่างไรเพื่อไม่ให้สงครามขยายวงกว้าง

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เปิดมาในช่วงเช้าวันนี้เคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน ส่วนปัจจัยในประเทศยังคงติดตามการทยอยรายงานผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนที่จะออกมา หลังกลุ่มธนาคารพาณิชย์ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/66 ไปแล้ว

โดยให้แนวต้าน 1,420 จุด แนวรับ 1,380 จุด

 

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

 

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (23 ต.ค.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,936.41 จุด ลดลง 190.87 จุด หรือ -0.58%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,217.04 จุด ลดลง 7.12 จุด หรือ -0.17% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,018.33 จุด เพิ่มขึ้น 34.52 จุด หรือ +0.27%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 31,157.01 จุด เพิ่มขึ้น 157.46 จุด หรือ +0.51% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 17,053.15 จุด ลดลง 118.98 จุด หรือ -0.69% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 2,944.31 จุด เพิ่มขึ้น 5.02 จุด หรือ +0.17%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 ต.ค.66) 1,399.35 จุด ลดลง 23.69 จุด (-1.66%) มูลค่าการซื้อขาย 52,983.02 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,237.01 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 ต.ค.66

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.(23 ต.ค.) ลดลง 2.59 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 85.49 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 ต.ค.) อยู่ที่ 2.98 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 36.30 แข็งค่าหลังดอลลาร์อ่อนค่า จับตาตัวเลขส่งออกไทย-ข้อมูลศก.สหรัฐ

– เอกชนหวั่น “สงคราม” ลุกลามฉุดเชื่อมั่นการเดินทาง “แอตต้า” ชี้ “ท่องเที่ยวไทย” ฝ่าความเสี่ยงหนักปี 67 ลุ้นทัวริสต์ต่างชาติถึงเป้า 35 ล้านคน ส่วนปี 66 คาดปิดตัวเลข 27-28 ล้านคน หลัง 2 ตลาดหลัก จีน-ญี่ปุ่น เผชิญปัญหาเศรษฐกิจในประเทศ “สทท.” แนะรัฐงัดยาแรงปลุก “ไทยเที่ยวไทย”

– “บิ๊กคอร์ปไทย” เกาะติดสถานการณ์สงครามอิสราเอล-ฮามาส “ดับบลิวเอชเอ” ชี้หากสงครามระยะสั้น ไม่ขยายวง ไม่กระทบราคาน้ำมันโลก “พีทีจี” หวังไม่เพิ่มสถานการณ์ขัดแย้ง พร้อมสำรองน้ำมันให้เพียงพอ “ผู้ผลิตไฟฟ้า” ตั้งรับ 2 สถานการณ์ แผนสำรองหากก๊าซราคาพุ่ง เพิ่มนำเข้าถ่านหินผลิตไฟฟ้า

– “เศรษฐา” กอดเงินหมื่นดิจิทัลลุยไฟ ลั่นเดินหน้าแจกแน่แค่ขอเวลา ปรับนโยบาย ขณะที่ “ศิริกัญญา” ฟันเปรี้ยงสู่ทางตัน ติดเงื่อนล็อก กม.มาตรา 7 พ.ร.บ. ออมสิน เตือน “เพื่อไทย” โผล่พรวดช่อง พ.ร.ก.เหมือนฆ่าตัวตายทางการเมือง “อง อาจ” ชี่เงินดีหรือเงินเลวก็เงินภาษีประชาชน ไม่ใช่เงินนายกฯ “รสนา” สับเละผุดประเพณีการเมืองใหม่ที่อันตราย บี้ กกต.สอบที่มาแหล่งเงิน พรรคประกาศดำเนินนโยบายก่อน-หลังเลือกตั้งส่อหนังคนละม้วน

 

หุ้นเด่นวันนี้

 

– บมจ. เอสเตติก คอนเนค ผู้ให้บริการศัลยกรรมความงามบนใบหน้า ภายใต้ชื่อ “ธีรพรคลินิก” พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ 24 ต.ค. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 4,900 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า TRP โบรกฯ (อันเดอร์ไรท์) ให้เป้า 21-26 บาท

– ILM (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 25.00 บาท แนวโน้ม Q3/66 โต QoQ, YoY แรงหนุนจากยอดขาย Retail และ Online โต โดย SSSG ขยายตัวได้ดีพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวช่วยหนุนให้ GPM ดีขึ้น ประกอบกับ SG&A/Sale ปรับลดลงจากค่าไฟฟ้า คาดหวัง Q4/66 เติบโตต่อเป็น Seasonal การจับจ่ายใช้สอยคาดเห็น SSSG เป็นบวกและยอดขายผ่านงานโครงการอสังหาฯฟื้นตัว รวมถึงเปิด Little Walk สาขากรุงเทพกรีฑา ตลาดคาดกำไรปี 66 ราว 700 ล้านบาท +6%YoY และปี 67 ที่ 788 ล้านบาท +12%YoY มีแผนขยายสาขา Index Living Mall เพิ่ม 2 แห่ง และ Little Walk 1 แห่ง

– BBL (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 196 บาท รายงานกำไรไตรมาส 3/66 ที่ 1.135 หมื่นลบ. ทรงตัว QoQ และเพิ่มขึ้น 48% YoY สูงกว่าประมาณการ 14% จาก Opex ที่ต่ำกว่าคาด NIM สูงขึ้นและต้นทุน/รายได้ที่ลดลง หนุนทั้ง PPOP และการเติบโตของกำไรในไตรมาส 3/66 คุณภาพสินทรัพย์ดูดีกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย คาดกำไรเติบโตแข็งแกร่ง YoY ในไตรมาส 4/66 และประเมินอัตราเงินปันผลตอบแทนที่ 5.0%/5.7% สำหรับปี 2566-67

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ต.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top