HotIssue: SET ดิ่งงงง…หนัก จะหาโอกาสได้อย่างไร?

ตลาดหุ้นไทยด่ำดิ่ง ทำจุดต่ำสุดในรอบ 3 ปี และเป็นตลาดที่ให้ผลตอบแทนแย่ที่สุดในโลก (ม.ค.-27 ต.ค.66) SET -18% แย่กว่าตลาดหุ้นจีน ที่ -13% ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรป บวก 2 หลัก

นิ้วโป้ง อธิป กีรติพิชญ์ นักลงทุนสาย VI ที่คร่ำหวอดวงการตลาดทุนมากกว่า 20 ปี และเป็นวิทยากรด้านตลาดทุนให้กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสถาบันการเงินชั้นนำ เล่าให้”อินโฟเควสท์”ฟังว่า สาเหตุที่ดัชนี SET ตกลงมากจากปัจจัยที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) พุ่งแตะ 5% กดดันตลาดหุ้นไทย และปัจจัยในประเทศที่ตั้งแต่ต้นปี 66 มีการเลือกตั้ง และกว่าจะได้รัฐบาลใหม่ในเดือนก.ย. ซึ่งใช้เวลานาน โดยไม่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจเลยตะเห็นได้จากจีดีพีไตรมาส 2/66 ลงมาต่ำสุดที่ 1.8%

ดัชนีระดับ 1,370 จุด สอดคล้องกับ EPS 80-90 บาท/หุ้น ในปัจจุบัน ถือได้ว่าตลาดหุ้นไม่ได้แพง หุ้นเกรดเอหลายตัวราคาลงมาพอสควร นับว่าเป็นจุดที่เริ่มเข้ามทยอยสะสมหุ้นได้

โดยกรณีที่ผู้ลงทุนไม่มีหุ้น หรือพอร์ตว่าง หรือมีหุ้นจำนวนน้อย หรือมีเงินสด สามารถคัดเลือกการลงทุนหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีการเติบโตต่อเนื่อง โดยทยอยซื้อสะสมได้ตั้งแต่ตอนนี้

แต่หากผู้ลงทุนติดหุ้นอยู่จำนวนมาก แนะให้ขายหุ้นออกบางส่วน เพื่อถือเงินสดให้เพียงพอต่อการใช้จ่ายอย่างน้อย 6 เดือน หรือประมาณเดือนเม.ย.67 ที่เป็นช่วงที่เงินปันผลจะออก และบรรยากาศการลงทุนน่าจะผ่อนคลายจากที่รับแรงกดดันจากบอนด์ยีลด์สูงในขณะนี้ รวมถึงความชัดเจนของเงินดิจิทัลวอลเล็ตก็จะมีรายละเอียดมากขึ้น

“อยากให้กำลังใจนักลงทุน ปีนี้หากผลตอบแทนติดลบ 10 กว่า% แต่ปีไหนลบ 10% ปีหน้าก็ขึ้นเป็น 2 digits เหมือนกัน ยกตัวอย่างปี 2563 ที่มีโควิด SET ลบ 8% ปีถัดไปบวก 14% ทั้งๆที่เศรษฐกิจแย่มาก ปีหน้าผมเชื่อว่าจะมีลักษณะคล้ายกัน”

นิ้วโป้ง ยังให้ข้อคิดอีกว่า ถ้าเป็นนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ พอร์ตลงทุนหดตัวหรือติดลบเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เหมือนนักรบต้องมีบาดแผล เราต้องอยู่ในตลาดหุ้นทั้งในช่วงที่ดีและแย่

“การลงทุนมีทั้งดีมากและแย่มาก มองให้เป็นเรื่องธรรมดา หาโอกาสกับมันให้ได้ ในมุมที่มีเรื่องร้ายหาโอกาสทำการบ้าน และใช้ประโยชน์จากวิกฤตครั้งนี้ เพื่อให้พอร์ตลงทุนโตขึ้นอีกระดับหนึ่ง เราเป็นนักลงทุนที่เก่งขึ้นพร้อมที่จะไปกับขาขึ้นครั้งใหญ่ หรือขาลงครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในตลาดหุ้น” นิ้วโป้ง ฝากถึงนักลงทุน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ต.ค. 66)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top