ไทยติดโผประเทศน่าอยู่ของต่างชาติวัยเกษียณ หลังเงินเฟ้อต่ำ-ค่าครองชีพถูก

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงแนวโน้มสังคมสูงวัยที่กำลังเกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้ความต้องการใช้ชีวิตหลังเกษียณในต่างประเทศได้รับความสนใจมากขึ้น โดยประเทศไทยเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ได้รับการจัดอันดับประเทศน่าอยู่สำหรับชาวต่างชาติวัยเกษียณ เนื่องจากค่าครองชีพไม่สูง และคาดว่าเงินเฟ้อในปีนี้จะชะลอตัวอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

โดยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อล่าสุดเดือนก.ย. 66 เทียบกับเดือนก.ย. 65 สูงขึ้นเพียง 0.30% และเฉลี่ย 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) ปี 66 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 65 สูงขึ้นเพียง 1.85 ซึ่งอัตราเงินเฟ้อของไทยที่อยู่ระดับดังกล่าว จะเป็นจุดดึงดูดให้ชาวต่างชาติมาใช้ชีวิตวัยเกษียณที่ประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง และสร้างมูลค่าเพิ่มในภาคบริการของไทยให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีระดับโลกต่อไป

จากรายงานขององค์การสหประชาชาติ (United Nations: UN) ปี 65 พบว่า ประชากรในหลายประเทศทั่วโลกกำลังมีอายุสูงขึ้น โดยประชากรโลกที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป มีจำนวนกว่า 770 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วน 9.7% ของประชากรโลก และอีก 27 ปีข้างหน้า (ปี 2593) จะมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเกือบ 1,600 ล้านคน หรือมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น 16.4% จากโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนไป ดังนั้น แนวคิดการใช้ชีวิตวัยเกษียณในต่างประเทศจึงได้รับความสนใจมากขึ้น

ทั้งนี้ ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่ได้รับความสนใจ และอยู่ในกลุ่มประเทศน่าอยู่สำหรับวัยเกษียณซึ่งมีการจัดอันดับจากองค์กรสื่อของต่างประเทศ โดยมีผลการจัดอันดับล่าสุดในปี 66 อาทิ

– ดัชนีเกษียณอายุโลก (Annual Global Retirement Index 2023) ที่จัดทำและเผยแพร่ทุกปีโดย International Living ซึ่งเป็นสื่อสัญชาติสหรัฐอเมริกา พบว่า ประเทศไทย เป็นประเทศเดียวในทวีปเอเชียที่ได้รับการจัดอันดับ โดยอยู่อันดับ 9 ร่วมกับประเทศอิตาลี จาก 16 ประเทศ สำหรับประเทศที่เหมาะสำหรับการใช้ชีวิตวัยเกษียณมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ โปรตุเกสเม็กซิโก ปานามา เอกวาดอร์ และคอสตาริกา

ทั้งนี้ ผลการจัดอันดับคะแนนด้านค่าครองชีพตั้งแต่ปี 64-66 ของไทย ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรืออาจกล่าวได้ว่า ค่าครองชีพของไทยลดน้อยลง ในส่วนของการจัดทำดัชนีฯ ดังกล่าว พิจารณาจากปัจจัย 7 ด้าน ได้แก่ ที่พักอาศัย การขอวีซ่าและสิทธิประโยชน์ ค่าครองชีพ สภาพภูมิอากาศ สาธารณสุข การพัฒนา/ หลักธรรมาภิบาล และความคิดเห็นจากกลุ่มลูกค้าและบุคลากรอาวุโสขององค์กร

– การจัดอันดับประเทศที่น่าอยู่ที่สุดสำหรับวัยเกษียณ (Best Countries for a Comfortable Retirement 2023) ที่จัดทำและเผยแพร่ทุกปีโดย U.S. News and World Report สื่อสัญชาติสหรัฐอเมริกา พบว่า ประเทศไทย เป็นประเทศที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุดในทวีปเอเชีย โดยอยู่อันดับที่ 18 จาก 87 ประเทศ สำหรับประเทศที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ โปรตุเกส ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสเปน

ทั้งนี้ ผลการจัดอันดับคะแนนด้านค่าครองชีพตั้งแต่ปี 62-66 ของไทย มีคะแนนอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของการจัดอันดับฯ ดังกล่าว พิจารณาจากปัจจัย 7 ด้าน ได้แก่ ระดับค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต นโยบายภาษี ความเป็นมิตร สภาพภูมิอากาศ การเคารพกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน ระบบสาธารณสุข และความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสำรวจเกี่ยวกับประเทศที่ตนเห็นว่าน่าอยู่อาศัย

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาคะแนนที่ประเทศไทยได้รับในปัจจัยคัดเลือกของทั้ง 2 องค์กร ชี้ว่า คุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของประเทศไทยคือ “ระดับค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิตที่ไม่สูงมากนักในทรรศนะของต่างชาติ” สะท้อนจากคะแนนหมวดค่าครองชีพของ International Living และหมวดระดับค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตของ U.S. News and World Report ที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับเกณฑ์ทั้งหมด

อีกทั้งยังเป็นหมวดที่ประเทศไทยได้รับคะแนนค่อนข้างสูงมากตลอด การจัดอับดับในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งคาดว่าเป็นผลจากระดับราคาสินค้าและบริการ ซึ่งสะท้อนผ่านดัชนีราคาผู้บริโภคหรือเครื่องชี้วัดค่าครองชีพของไทย ที่การเคลื่อนไหวไม่ผันผวนมากนักเมื่อเทียบกับ 21 ประเทศ อาทิ โปรตุเกส สเปน อิตาลี ที่ได้รับการจัดอันดับกลุ่มประเทศน่าอยู่สำหรับวัยเกษียณเช่นกัน

ทั้งนี้ ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ เดือนล่าสุด (ส.ค. 66) พบว่า ประเทศไทยยังอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ และยังคงต่ำที่สุดในอาเซียนต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 จาก 7 ประเทศที่ประกาศตัวเลข (ไทย มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และสปป.ลาว)

นายพูนพงษ์ กล่าวว่า นอกจากภูมิทัศน์ของประเทศที่สวยงาม วัฒนธรรมที่สืบสานกันมายาวนาน ความเป็นมิตร และความมีน้ำใจของคนไทยแล้ว ระดับค่าครองชีพที่ไม่สูงมาก ยังเป็นจุดขายที่ชาวต่างชาติสนใจมาวางแผนเกษียณที่ประเทศไทยมากขึ้น และด้วยมาตรการช่วยเหลือดูแลค่าครองชีพของภาครัฐ

ตลอดจนการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย ให้สอดรับกับภาวะเศรษฐกิจ ทำให้สถานการณ์เงินเฟ้อปีนี้ชะลอตัวอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยสนับสนุนและดึงดูดการเป็นหมุดหมายของกลุ่มผู้สูงวัยต่างชาติให้เข้ามาพำนักในประเทศระยะยาว และหากสามารถดึงกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงได้ จะเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างรายได้ให้ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง อาทิ ธุรกิจสุขภาพ การแพทย์การท่องเที่ยว อาหาร และอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มในภาคบริการให้สูงขึ้น เพื่อรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขันในเวทีโลกในระยะต่อไป

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 พ.ย. 66)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top