ดาวโจนส์ปิดบวก 221.71 จุด รับคาดการณ์เฟดยุติขึ้นดอกเบี้ย

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (1 พ.ย.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นกว่า 1.6% หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด และการแสดงความเห็นของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ทำให้นักลงทุนมีมุมมองบวกว่าเฟดได้เสร็จสิ้นภารกิจการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,274.58 จุด เพิ่มขึ้น 221.71 จุด หรือ +0.67%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,237.86 จุด เพิ่มขึ้น 44.06 จุด หรือ +1.05% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,061.47 จุด เพิ่มขึ้น 210.23 จุด หรือ +1.64%

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ (1 พ.ย.) ซึ่งเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2 และเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้

แถลงการณ์ของคณะกรรมการเฟดส่งสัญญาณว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในอนาคตเนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3 อย่างไรก็ดี เฟดยอมรับว่าภาวะการเงินที่มีความตึงตัวมากขึ้นนั้นได้ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน

ทางด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้กล่าวในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า กรรมการเฟดจะใช้ความระมัดระวังในการดำเนินนโยบายการเงิน แม้ยังไม่มั่นใจว่าภาวะการเงินในขณะนี้มีความเข้มงวดมากพอที่จะทำให้เงินเฟ้อลดลงสู่ระดับต่ำตามที่เฟดต้องการหรือไม่

ไมเคิล เจมส์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Wedbush Securities กล่าวว่า ตลาดหุ้นปรับตัวผันผวนในช่วงแรกที่นายพาวเวลแถลงข่าว แต่หลังจากนั้นไม่นานตลาดดีดตัวขึ้นสู่แดนบวก เนื่องจากนายพาวเวลไม่ได้ยืนกรานว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน เหมือนกับที่เขาเน้นย้ำในการแถลงข่าวครั้งที่แล้ว

ปีเตอร์ คาร์ดิลโล นักวิเคราะห์จากบริษัท Spartan Capital Securities แสดงความเห็นว่า แถลงการณ์ของคณะกรรมการเฟดและนายพาวเวลสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มของการไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย (Dovish) นอกจากนี้ การที่เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันในการประชุม 2 ครั้ง นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเฟดอาจจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็หมายความว่าภารกิจการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้ยุติลงแล้ว

ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 นั้น ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งเป็นหุ้นที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย พุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุด โดยปรับตัวขึ้น 2% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารดีดตัวขึ้น 1.8% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานลดลง 0.3% และดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภคปรับตัวลง 0.06%

ตลาดยังได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ชะลอตัวลง หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐประกาศแผนการประมูลพันธบัตรรัฐบาลที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยนักลงทุนให้ความสำคัญกับการประมูลพันธบัตรของกระทรวงการคลังสหรัฐ เพื่อประเมินทิศทางของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 113,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. แต่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 130,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 89,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย.

สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 46.7 ในเดือนต.ค. จากระดับ 49.0 ในเดือนก.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 49.2

นอกจากนี้ สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้น 56,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 9.553 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ย. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 9.250 ล้านตำแหน่ง

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 188,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 336,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. นอกจากนี้ คาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.8% ในเดือนต.ค.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 พ.ย. 66)

Tags: , , ,
Back to Top