“เรืองไกร” ร้อง กกต.สอบ “ไชยา-สุทิน” ซุกหุ้นหลังเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า วันนี้จะไปยื่นหนังสือขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบของนายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กรณีมีเหตุทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 ประกอบมาตรา 187 หรือไม่

โดยกรณีของนายไชยา พบข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ย.66 ได้รับแต่งตั้งเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ แต่ในวันที่ 16 ก.ย.66 นางอัญชลี พรหมา คู่สมรสในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการ กลับแจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ว่า “ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศรีบุญเรืองวัฒนา ได้รับชำระเงินลงหุ้นเป็นเงิน 300,000 บาท จาก น.ส.อธิษฐาน พรหมา เพื่อชำระเป็นเงินลงหุ้นจากการเพิ่มทุนของห้างหุ้นส่วนจำกัด ศรีบุญเรืองวัฒนา โดยชำระเป็นเงินสดลงหุ้น 300,000 บาท (สามแสนบาทถ้วน) ไว้เรียบร้อยแล้ว”

กรณีดังกล่าว จึงมีเหตุอันควรตรวจสอบว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 1-16 ก.ย.66 นางอัญชลี พรหมา ยังคงเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนจำกัด ศรีบุญเรืองวัฒนา และยังเป็นหุ้นส่วนอยู่ตามที่นายไชยา แจ้งไว้ต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.เมื่อวันที่ 4 ก.ค.66 ว่ามีเงินลงทุนใน หจก.ศรีบุญเรืองวัฒนา ในนามคู่สมรสหรือไม่ หากนางอัญชลี ยังคงเป็นหุ้นส่วนและผู้จัดการอยู่ จะเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายไชยา สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่

ส่วนกรณีของนายสุทิน พบข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ย.66 ได้รับแต่งตั้งเป็น รมว.กลาโหม แต่ข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ณ วันที่ 3 พ.ย.66 ที่ระบุว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด คลังแสงอีสาณ มีหุ้นส่วนรวมเป็นมูลค่า 1,200,000 บาท โดยมีนางฉวีวรรณ คลังแสง คู่สมรสเป็นหุ้นส่วนอยู่ 1,000,000 บาท และเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการด้วย

ดังนั้น จึงมีเหตุอันควรตรวจสอบโดยเร็วว่า ณ วันที่ 3 พ.ย.66 นายสุทิน ยังคงไว้ซึ่งความเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนจำกัด คลังแสงอีสาณ จำนวน 1,000,000 บาท ในนามคู่สมรส ซึ่งคิดได้เกิน 5% หรือไม่ และคู่สมรสยังเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการอยู่หรือไม่ หากยังคงไว้จะเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายสุทินสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่

นายเรืองไกร กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 187 มีเงื่อนไขยกเว้นไว้ด้วย จึงขอให้ กกต.นำ พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ.2543 มาประกอบการพิจารณาด้วย หาก กกต.เห็นว่า รัฐมนตรีทั้งสองมีเหตุเข้าข่ายจะทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ขอให้รีบส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป และขอให้ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อนด้วย

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 พ.ย. 66)

Tags: , , , , ,
Back to Top