TIDLOR ออกหุ้นกู้ชุดใหม่เรทติ้ง A อายุ 3 ปี ดอกเบี่ยราว 3.7-3.8% คาดเปิดขาย 24-28 พ.ย.

บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายงานข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ต่อผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) วงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยในช่วง 3.70-3.80% ต่อปี กำหนดชำระอัตราดอกเบี้ยทุกๆ 6 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ คาดเปิดขายระหว่างวันที่ 24 และ 27-28 พฤศจิกายน 2566 นี้ โดยได้มีการแต่งตั้งให้ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกสิกรไทย และ บล.เกียรตินาคินภัทร เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย ซึ่งวัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรและอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ TIDLOR ที่ระดับ “A” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ซึ่งปัจจุบันถือเป็นอันดับเครดิตที่สูงที่สุดในกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจ non-bank ประเภทสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ

ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่า บริษัทฯ มีสถานะการเป็นผู้นำในธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สามารถรักษาฐานทุนที่แข็งแกร่ง โดยมีผลประกอบการที่น่าพอใจ และการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์อยู่ในระดับที่ยอมรับได้จากแนวทางการบริหารความเสี่ยงอย่างระมัดระวัง นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อีกด้วย

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/66 บริษัทฯ สามารถทำกำไรสุทธินิวไฮ 1,007 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.7% YoY และยังคงเติบโตตามแผนงานที่วางไว้ โดยมีรายได้รวม 4,834 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.0% YoY ในขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมจำนวน 3,574 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของธุรกิจ และต้นทุนทางการเงินที่ปรับเพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

และงวด 9 เดือนแรกของปี 66 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 2,889 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.3% YoY นอกจากนี้ ยังคงรักษาคุณภาพพอร์ตสินเชื่อได้เป็นอย่างดี สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL อยู่ที่ระดับ 1.51% ลดลงจาก 1.54% ในไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม และยังคง NPL coverage ratio ในระดับสูงที่ 264% เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ส่วนของ Credit cost ในปีนี้ ยังคงอยู่ในกรอบที่ตั้งไว้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 พ.ย. 66)

Tags: , , ,
Back to Top