SAMART Q3/66 ขาดทุนลดลงจากธุรกิจสนามบินฟื้น-รับรู้งานโครงการเพิ่ม ตุน Backlogราว 1 หมื่นลบ.

บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART) เผยไตรมาส 3/66 มีรายได้รวม อยู่ที่ 2,834 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33%หรือ 701 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้น 37% หรือ 756 ล้านบาท จากไตรมาสที่ผ่านมา และขาดทุนลดลงมาที่ 205.9 ล้านบาท หรือลดลง 57% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 476.9 ล้านบาท โดยผลขาดทุนในไตรมาสนี้มาจากการรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของอุปกรณ์ตามมาตรฐานการบัญชีของสายธุรกิจ Digital Communications

ส่วนในงวด 9 เดือนแรกของปี 66 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 7,419 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,205 ล้านบาท หรือ 19% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และขาดทุน 206.8 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 65% จากงวด 9 เดือนของปีก่อน

ทั้งนี้ SAMART แบ่งสายธุรกิจออกเป็น 3 สายธุรกิจ

1) สายธุรกิจ Digital Communications หรือ บมจ.สามารถ ดิจิตอลจ (SDC)

2) สายธุรกิจ Digital ICT Solution หรือ บมจ.สามารถเทลคอม (SAMTEL)

3) สายธุรกิจ Utilities and Transportations ซึ่งรายได้จาก Transportations มาจาก บมจ.สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ (SAV)ที่เพิ่งเข้าตลาดหุ้น

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ รองประธานกรรมการบริหารฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บมจ. สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART) กล่าวว่า ในปี 2566 ยังคงเป็นปีที่ท้าทาย แม้จะมีปัจจัยบวกที่สนับสนุนการขับเคลื่อนธุรกิจ เช่น การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว การเดินทาง และการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศด้วยนโยบายส่งเสริมของภาครัฐ แต่ก็ยังคงมีความท้าทายอีกมากที่เราต้องเผชิญ อาทิงบประมาณภาครัฐที่ค่อนข้างจำกัด การลงทุนของภาคเอกชนที่ชะลอตัว ภาวะสงครามและความไม่สงบในต่างประเทศ ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ดังนั้นภารกิจหลักของกลุ่มสามารถในช่วงที่ผ่านมา คือ

1.ขยายฐานลูกค้าและเทคโนโลยีในสายธุรกิจ Digital ICT Solutions โดยขยายโซลูชันและบริการไปสู่รัฐวิสาหกิจและเอกชนมากขึ้น อาทิ บริษัท พอร์ทัลเน็ท จำกัด ร่วมกับ IBM นำเสนอ “IBM Maximo” จนสามารถเซ็นสัญญาโครงการพัฒนาระบบงาน CMMS หรือ ระบบบริหารจัดการงานซ่อมบำรุง จาก กฟน. มูลค่า 135 ล้านบาท นอกจากนี้ยังชูเทคโนโลยีในด้าน Security, Big Data, E-Document, ERP, โซลูชันสำหรับภาคการเงินและธนาคาร อีกทั้ง บมจ. สามารถเทลคอม ยังได้จับมือกับ PowerSchool ผู้ให้บริการ Digital Education Platform ชั้นนำจากสหรัฐอเมริกา เพื่อรุกธุรกิจเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาในประเทศไทย

2.ขยายธุรกิจเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมและตรวจสอบ อาทิ โครงการ Direct Coding ซึ่งตอบโจทย์การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีให้แก่กรมสรรพสามิต โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้จากค่าบริการรวม 637 ล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วง High Season ในไตรมาสที่ 4 จึงคาดว่าจะมีรายได้ทั้งปี จำนวน 900 ล้านบาทนอกจากนี้ บริษัท สามารถคอมมิวนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด ในกลุ่มสามารถเทลคอม ก็ได้งานโครงการจัดหาระบบตรวจสอบสิ่งของสัมภาระที่ติดตัวผู้โดยสารกับกรมศุลกากร มูลค่า 373 ล้านบาท เป็นต้น

3.เร่งขยายฐานผู้ใช้บริการระบบสื่อสาร Digital Trunked Radio ทั้งนี้ ปัจจุบันมีการรับรู้รายได้เดือนละประมาณ 30 ล้านบาท หลังจากการส่งมอบเครื่องโครงการมหาดไทยครบถ้วน และบริษัทได้ตั้งเป้าในการขยายฐานผู้ใช้บริการไปยังหน่วยงานอื่นๆ อาทิ การปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานที่ดูแลความมั่นคง ความปลอดภัย และสาธารณสุข เป็นต้น โดยคาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการได้อีกราว 30,000 รายในปีหน้า

4.เสริมความแข็งแกร่งและขยายโอกาสการเติบโตให้แก่สายงาน Utilities อาทิ การนำ SAV หรือ บมจ. สามารถเอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ เข้าจดทะเบียนใน ตลท.เมื่อปลายเดือน ก.ย 2566 โดยมีการจ่ายปันผลแก่ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.75 บาท เมื่อวันที่ 31 ต.ค ที่ผ่านมา จากรายได้ที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของ SAV ในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา รวมจำนวน 1,110 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% SAV จึงเป็นกำลังสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่กลุ่มสามารถ และมีความพร้อมในการขยายสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ในอนาคต

นอกจากนี้ ในสายธุรกิจ UTrans ยังประกอบด้วยธุรกิจออกแบบ ก่อสร้างสถานีและสายส่งไฟฟ้าแรงสูงครบวงจรภายใต้บริษัท เทด้าและทรานเซ็ค ซึ่งในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีรายได้รวมกันกว่า 800 ล้านบาท และมีมูลค่างานในมือรวม 4,780 ล้านบาทในปัจจุบัน

“นอกจากภารกิจหลักข้างต้นแล้ว บริษัทยังเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับงานในอนาคต โดยเฉพาะงานที่เรามีประสบการณ์และความชำนาญเป็นทุนเดิมเช่น การติดตั้งระบบอุปกรณ์และการบริหารจัดการในสนามบิน การพัฒนาโครงสรางพื้นฐานด้านการขนส่ง การเดินทาง และพลังงาน เป็นต้น การก้าวสู่ยุคดิจิตอลนี้เป็นโอกาสของการขยายผลและต่อยอดธุรกิจ ผมจึงมั่นใจว่ากลุ่มสามารถมีโอกาสเติบโตได้อย่างมั่นคง ด้วยรายได้ประจำที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนและโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่รออยู่” นายวัฒน์ชัย กล่าวทิ้งท้าย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 พ.ย. 66)

Tags: , , ,
Back to Top