“มูดี้ส์” เตือนภาคธนาคารสหรัฐยังไม่พ้นวิกฤตหลัง SVB ล่มสลาย จับตาเงินทุน Q4

อานา อาร์รอส กรรมการผู้จัดการของบริษัทมูดี้ส์เปิดเผยว่า ภาคธนาคารของสหรัฐยังไม่พ้นภาวะวิกฤต เนื่องจากมีความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง (Reinflation) หากธนาคารต่าง ๆ ประสบความล้มเหลวในการคาดการณ์ทิศทางอัตราดอกเบี้ยอย่างมีประสิทธิภาพ

ภาคธนาคารของสหรัฐเผชิญกับความผันผวนอย่างหนักในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา เนื่องจากธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ (SVB) ล่มสลายลงอย่างฉับพลันหลังจากธนาคารขาดทุนจำนวนมาก อันเป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยกลุ่มผู้ฝากเงินได้แห่ถอนเงินออกจาก SVB ภายในระยะเวลาไม่กี่วันหลังจากพบว่าธนาคารประสบปัญหาด้านการเงิน จนเป็นเหตุให้ธนาคารแห่งนี้ต้องปิดกิจการในเวลาต่อมา

การล่มสลายของ SVB ส่งผลให้ตลาดขาดความเชื่อมั่นในธนาคารระดับภูมิภาคและธนาคารขนาดกลาง ขณะที่มูดี้ส์ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารขนาดกลาง 10 แห่งในช่วงต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา และทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารรายใหญ่อีก 6 แห่ง ซึ่งบ่งชี้ว่าธนาคารรายใหญ่เหล่านี้มีแนวโน้มที่จะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือในวันข้างหน้า

อานากล่าวในงานเสวนา “Reuters Next” ในวันพฤหัสบดี (9 พ.ย.) ว่า แนวโน้มของภาคธนาคารสหรัฐยังคงเป็นไปในเชิงลบ โดยระบุว่าการที่เงินเฟ้อกลับมาสูงขึ้นอีกนั้นถือเป็นความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากธนาคารไม่สามารถคาดการณ์ทิศทางอัตราดอกเบี้ยได้อย่างแม่นยำและไม่ปรับพอร์ตโฟลิโอของธนาคารอย่างเหมาะสม

อานากล่าวว่า เธอกำลังจับตาเงินทุนของภาคธนาคารสหรัฐในไตรมาส 4 ปีนี้และในไตรมาสแรกของปีหน้า

ธนาคาร SVB ซึ่งปล่อยกู้ให้กับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและมุ่งเน้นกลุ่มสตาร์ตอัป ประสบภาวะขาดทุนถึง 1.8 พันล้านดอลลาร์จากการขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ถือครองอยู่ ซึ่งมูลค่าพอร์ตของ SVB ลดลงอย่างมากจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ นอกจากนี้ SVB ยังประสบปัญหากระแสเงินสดหมุนเวียนจากการที่ธุรกิจสตาร์ตอัปแห่ถอนเงินฝากจากธนาคาร

ทั้งนี้ ในวันที่ 10 มี.ค. รัฐบาลสหรัฐได้สั่งปิดกิจการ SVB พร้อมกับมอบหมายให้บรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) เป็นผู้ดูแลเงินฝากของ SVB

นักวิเคราะห์มองว่า สาเหตุของวิกฤตการณ์ในครั้งนี้เกิดจากการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วและหลายครั้งติดต่อกัน โดยการขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของธุรกิจต่าง ๆ ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจสตาร์ตอัปและบริษัทเทคโนโลยีที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ของ SVB

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 พ.ย. 66)

Tags: , , ,
Back to Top