SABUY คาดผลงาน Q4/66 ดีกว่า Q3/66 จ่อปิดดีล TKC-AIT สิ้นพ.ย. มั่นใจปี 67 โตต่อ

นายณรงค์ชัย ว่องธนะวิโมกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานบัญชีและการเงิน บมจ.สบาย เทคโนโลยี (SABUY) เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 4/66 น่าจะดีกว่าไตรมาส 3/66 และคาดว่ารายได้ในปี 66 ทำได้ราว 1 หมื่นล้านบาท โดยในช่วง 9 เดือนปี 66 มีรายได้ 7.5 พันล้านบาท โดยจะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายให้ดียิ่งขึ้น ขณะที่คาดว่าผลประกอบการในปี 67 จะเติบโตได้ดีพอสมควร

ส่วนหนึ่งมาจากการเข้าลงทุนหุ้นบมจ.แอสเฟียร์ อินโนเวชั่นส์ (AS) กระบวนการน่าจะเสร็จสิ้นภายในปีนี้ และในปี 67 AS จะเข้ามารวมในงบการเงิน ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทราว 3-4 พันล้านบาท และกำไรสุทธิก็จะเข้ามาด้วย

และการดำเนินการแลกหุ้นระหว่างบมจ.เทิร์นคีย์ คอมมูนเคชั่น เซอร์วิส (TKC) และบมจ.แอดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี (AIT) ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการ และคาดว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมดภายในสิ้นเดือนพ.ย.นี้ ซึ่งจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่ม SABUY ในการขยายการให้บริการที่ครอบคลุมไปยังลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ได้ดียิ่งขึ้น

ด้านนายวิรัช มรกตกาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานพาณิชย์และการลงทุน SABUY กล่าวว่า งบลงทุนในปี 67 จะมีไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ ถ้าเห็นโอกาสลงทุนก็จะมีการพิจารณาอย่างระมัดระวัง การลงทุนใหม่ต้องไม่เพิ่มค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน Ecosystemของกลุ่ม SABUY ค่อนข้างมีความสมบูรณ์

*เร่งปรับธุรกิจตู้เติมเงิน

นายณรงค์ชัย กล่าว่า ธุรกิจตู้เติมเงินมีปริมาณลดน้อยลง อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยน หรือมีอะไรมาทดแทน โดยอาจปรับมาให้ใช้สบายเคาเตอร์ หรือตู้ Vending ที่ขายสินต้าของบริษัท อย่างไรก็ดี payment ของตู้เติมเงินใช้หน้าจอเดียวกับ ตู้ Vending

ขณะที่ธุรกิจที่ยังมีผลการดำเนินงานที่ดี ได้แก่ ตู้ Vending จากมีรายได้ 500 ล้านบาทในไตรมาส 3/65 เพิ่มเป็น 700 ล้านบาทในไตรมาส 3/66 , Sabuy Speed ที่ยังทำผลงานได้ดี แม้ว่าจะมีการแข่งขันสูงในตลาดอีคอมเมิร์ซ รวมถึง Sabuy Conext ทำรายได้มาก และ BUZZEBEES ก็ยังมีผลงานดี

ส่วนผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปีนี้ ซึ่งเติบโตสูง โดยมีรายได้รวม 7,564 ล้านบาท เติบโต 165% จากรายได้รวม 2,850 ล้านบาท และ กำไรปกติเติบโต 91% จากกำไรปกติช่วง 9 เดือนแรกปีก่อน และมีกำไรสุทธิสูง 383 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่ากำไรสุทธิ 964 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปีก่อนมีกำไรจากการวัดมูลค่าการลงทุนสูง

สำหรับไตรมาส 3/2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,468 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111% จากรายได้รวม 1,172 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ มีกำไรขั้นต้นเท่ากับ 667 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 297 ล้านบาท หรือ 80% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 27% ลดลงจาก 32% แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2566 ที่ 24%

สาเหตุหลักเป็นผลมาจากการที่กลุ่มบริษัทมีผลิตภัณฑ์และบริการหลากหลายมากขึ้น มีการขายแบบ wholesale เพิ่มขึ้น ซึ่งมีตลาดการแข่งขันด้านราคาที่แตกต่างกัน โดยมีกำไรจากการดำเนินการหลังค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มในการสร้างธุรกิจ 203 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิประจำงวดเท่ากับ 37 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 463 ล้านบาท คิดเป็น 93% โดยหลักลดลงจากกำไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในปีที่แล้ว

รายได้เติบโตของกลุ่มสบาย ในไตรมาส 3 ปีนี้ เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่

1.รายได้จากการใหม่บริการ อยู่ที่ 696 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 207 ล้านบาท หรือคิดเป็น 42.3% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยสาเหตุหลักมาจากรายได้ในส่วนของ SABUY SPEED ที่มีการขยายจุด Touchpoint เพื่อให้บริการรับส่งพัสดุทั่วประเทศ โดยสอดคล้องกับสภาพตลาดธุรกิจขนส่งพัสดุในปี 2566 ที่คาดว่าจะเติบโตในอัตราเฉลี่ย 18% ตามการเติบโตของตลาด E-commerce หรือมูลค่า 1.15 แสนล้านบาท ในปี 2566 รวมถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจ Outsourcing และรายได้บริการจากธุรกิจ CRM ของ BZB ซึ่งได้มีการเข้าลงทุนตั้งแต่ในช่วง Q3/2565 และ Q4/2565 เป็นต้นมา

2.รายได้จากการขาย: มีมูลค่าเป็น 1,621 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,055 ล้านบาท (หรือคิดเป็น 187%) จากช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการรายได้จากการจำหน่ายเครื่องกรองน้ำและเครื่องทำน้ำแข็งจาก SBNEXT และรายได้จากการจำหน่ายระบบ CRM ของ BZB และรายได้การจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าแบบผ่อนชำระจาก LOVLS ซึ่งได้มีการเข้าลงทุนตั้งแต่ในช่วง Q3/2565 และ Q4/2565 เป็นต้นมา

3.รายได้จากการให้บริการตามสัญญาและดอกเบี้ยรับ มีมูลค่ารวม 141 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38ล้านบาท หรือคิดเป็น 37% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน ซึ่งมาจากธุรกิจสินเชื่อและการขายเครื่องกรองน้ำและอุปกรณ์ไฟฟ้าแบบผ่อนชำระ ผ่านแพลตฟอร์มของ SBNEXT และ LOVLS

นายวิรัช กล่าวว่า ในช่วง 9 เดือน ปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจและเพิ่มพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมและเสริมความแข็งแกร่งแก่ Ecosystem รวมไปถึงต่อยอดและเสริมสร้างศักยภาพ (Synergy) ของกลุ่มบริษัทฯ โดยได้มีการจัดกลุ่มธุรกิจออกเป็น 6 กลุ่มธุรกิจหลักได้แก่ 1. Connext 2. Enterprise & Life 3. Payments & Wallet 4. Financial Inclusion 5. InnoTainment และ 6. Venture ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญดังนี้

1. กลุ่มธุรกิจ Enterprise & Life: บริษัทได้เข้าลงทุนในบริษัท S2SMART ซึ่งให้บริการรับเหมาแรงงานในพื้นที่ภาคกลาง เพื่อขยายขนาดธุรกิจให้กับกลุ่ม SABUY Outsourcing และมีแผนที่จะลงทุนเพิ่มเติมในอนาคต

2. กลุ่มธุรกิจ Payments & Wallet: บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เป็น Banking Agent ผ่าน SABUY COUNTER ซึ่งจะเป็นจุดบริการฝาก-ถอนเงินสดผ่านร้านค้าให้บริการรับ-ส่งพัสดุด่วนทั่วไทย โดยใช้เครือข่าย SABUY SPEED ที่มีจุดเข้าร่วมการให้บริการฝาก-ถอนเงินสดกว่า 150 แห่งทั่วประเทศ และบริการฝากเงินผ่านตู้เติมเงิน “เติมสบายพลัส” ให้ธุรกรรมการฝาก-ถอนเงินสดสะดวกและง่ายขึ้น

3. กลุ่มธุรกิจ InnoTainment: จากการที่บริษัทฯ เข้าลงทุนใน AS ก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้รับทราบและยินยอมให้ AS เข้าลงทุนใน Bitkub Online (BO) เพื่อต่อยอดธุรกิจ Digital Platform, Exchange ตลอดจนถึงเทคโนโลยี่ Blockchain ที่ BO มีศักยภาพอย่างสูง เพื่อนำมาต่อยอดกลุ่มธุรกิจต่างๆ ของ SABUY อีกทั้งเข้าลงทุนในบริษัท NIPA Cloud เพื่อเพิ่มศักยภาพในด้าน Cloud และ Digital Marketing Agency ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และนำมาปรับใช้กับธุรกิจ Digital Asset รวมไปถึง Digital Platform โดยเฉพาะกับ SABUY Digital และ SABUY Infrastructure

บริษัทฯ ได้ยกระดับ Ecosystem โดยการเข้าลงทุนกับพันธมิตรต่างๆ ในปี 2565 ไม่ว่าจะเป็น SBNEXT, Asphere, SPEED (กลุ่มธุรกิจ Drop-Off), LOVLS, BZB และอื่นๆ ที่มีความหลากหลายและแตกต่างในตัวธุรกิจ รวมไปถึงการก่อตั้งบริษัทย่อยในเครือ เมื่อนำเข้ามาอยู่ใน Ecosystem ของบริษัทฯ ส่งผลให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ/ลูกค้าได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนต่อหน่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 พ.ย. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top