ดาวโจนส์ปิดบวก 83.51 จุด รับความหวังเฟดยุติขึ้นดอกเบี้ย

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (28 พ.ย.) ขานรับการแสดงความเห็นเชิงบวกของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,416.98 จุด เพิ่มขึ้น 83.51 จุด หรือ +0.24%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,554.89 จุด เพิ่มขึ้น 4.46 จุด หรือ +0.10% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,281.76 จุด เพิ่มขึ้น 40.73 จุด หรือ +0.29%

นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดกล่าวว่า เขามีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในขณะนี้อยู่ในระดับที่เข้มงวดมากเพียงพอแล้ว พร้อมกับส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่ว่าเฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หากเงินเฟ้อยังคงปรับตัวลงเข้าใกล้เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%

ขณะที่นายออสแทน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวว่า ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐกำลังปรับตัวลงในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1950 พร้อมกับกล่าวว่าเขารู้สึกกังวลหากเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานเกินไป

การแสดงความเห็นของนายวอลเลอร์และนายกูลส์บีเป็นปัจจัยหนุนตลาด แม้ว่าจะสวนทางกับความเห็นของนางมิเชล โบว์แมน สมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดซึ่งกล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้ลดลงสู่เป้าหมายในเวลาที่เหมาะสม

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 98.9% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 12-13 ธ.ค. และคาดว่าเฟดอาจจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปี 2567

ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 102.0 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 99.1 ในเดือนต.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 101.0

ทางด้านสหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติของสหรัฐ (NRF) คาดการณ์ว่า ยอดค้าปลีกในฤดูการจับจ่ายใช้สอยช่วงเดือนพ.ย.และเดือนธ.ค.จะเพิ่มขึ้นราว 3% – 4% เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากผู้บริโภคมีการใช้จ่ายมากขึ้นในปีนี้

การคาดการณ์ดังกล่าวของ NRF สอดคล้องกับที่อะโดบี อะนาไลติกส์ (Adobe Analytics) ประมาณการว่า ยอดการใช้จ่ายทางออนไลน์ในวันไซเบอร์มันเดย์ (Cyber Monday) ในสหรัฐจะพุ่งขึ้นทำสถิตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.24 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากบรรดานักชอปพากันตอบรับข้อเสนอลดแลกแจกแถมจากบริษัทที่จำหน่ายสินค้าหลากหลายประเภท ตั้งแต่ตุ๊กตาบาร์บี้ไปจนถึงชุดของเล่นเลโก้และสมาร์ตวอตช์

หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ส่วนหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ปรับตัวลงมากที่สุด

หุ้นโบอิ้ง ดีดตัวขึ้น 1.4% หลังจากนักวิเคราะห์ของอาร์บีซี แคปิตอล มาร์เก็ตส์ ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นโบอิ้งขึ้นสู่ระดับ “Outperform” จากระดับ “Sector Perform”

หุ้นแอฟเฟิร์ม โฮลดิ้งส์ (Affirm Holdings) พุ่งขึ้น 11.5% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจากการที่ผู้บริโภคใช้จ่ายอย่างคึกคักในวันไซเบอร์มันเดย์

ส่วนหุ้นไมครอน เทคโนโลยี ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 1.8% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่า การใช้จ่ายด้านการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 จะอยู่ในระดับสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ เอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.9% ในเดือนก.ย. จากระดับ 2.5% ในเดือนส.ค. โดยราคาบ้านเพิ่มขึ้นสูงสุดในเมืองดีทรอยท์ ซานดิอาโก และนิวยอร์ก

นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2566 (ประมาณการครั้งที่ 2) และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้

ส่วนในวันพฤหัสบดี สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนต.ค. และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) เดือนต.ค. สำหรับในวันศุกร์จะมีการเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนต.ค.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 พ.ย. 66)

Tags: , , ,
Back to Top