CI ติดเครื่องโค้งสุดท้ายต่อเนื่อง 67 คลอดบิ๊กโปรเจ็คต์มิกซ์ยูส-โรงแรม กว่า 2 หมื่นลบ.รับท่องเที่ยวภูเก็ตคึกคัก

นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ (CI) กล่าวว่า บริษัทมีแผนลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์-มิกซ์ยูสและโรงแรม รวม 4 โปรเจกต์ยักษ์ บนที่ดินรวม 123 ไร่ มูลค่าโครงการร่วม 2 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยโครงการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

ประเดิมด้วยโครงการบ้านพักตากอากาศพูลวิลล่าสุดหรู The Sky Series สไตล์ Modern Natural มูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท บนที่ดิน 6 ไร่ ผืนสุดท้ายของโครงการศรีพันวา ภูเก็ต คือ โครงการซาซ่าส์ หัวหิน (SASA Hua Hin) ลักชัวรี่คอนโดมิเนียม บนที่ดินกว่า 3 ไร่ วิวทะเล และสนามกอล์ฟ มูลค่าโครงการ 1.7 พันล้านบาท ซึ่งเปิดตัวไปแล้วเมื่อช่วงเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ต่อด้วย โครงการบ้านเดี่ยวระดับ Ultra Luxury วงแหวน-พระราม 9 ซึ่งจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 1/67

นอกจากนี้ บริษัทยังมีอีกหนึ่งโครงการเมกะโปรเจ็คต์ ซึ่งเป็นมิกซ์ยูสที่มีทั้งคอมเมอร์เชียลโซน เรสซิเดนซ์เชียล และโฮเทลแอนด์รีสอร์ท บนทำเลศักยภาพในจังหวัดภูเก็ต บนที่ดินกว่า 70 ไร่ มูลค่าโครงการกว่า 1 หมื่นล้านบาท จะเริ่มก่อสร้างในปี 67 เช่นกัน เพื่อเป็นการรองรับการกลับมาของภาคธุรกิจอสังหาฯ และการท่องเที่ยวที่มีทิศทางเติบโตอย่างเห็นได้ชัด

“ภาพรวมธุรกิจท่องเที่ยวไทยและธุรกิจโรงแรมในปี 66 ยังคงคึกคักต่อเนื่องจากช่วงไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติ อย่างจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีอัตรานักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างเห็นได้ชัดเจน โดยในส่วนของโรงแรมในเครือทั้ง 3 แห่ง โรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต, โรงแรมบาบาบีช คลับ นาใต้ และ โรงแรมบาบาบีช คลับ หัวหิน สามารถทำรายได้ช่วงไฮซีซั่นได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์รายได้ของปี 66 จะเพิ่มขึ้นประมาณ 50% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน และคาดการณ์ธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศไทยจะปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ โดยมีปัจจัยบวกมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นและมีการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวกลุ่ม Middle East อย่างมากอีกด้วย”

นายสงกรานต์ กล่าว

จากทิศทางการเติบโตของกลุ่มตลาดลักชัวรี่ และกระแสการตอบรับที่ดีของโครงการในกลุ่มชาญอิสสระ โดยปีนี้เตรียมโอน 2 บิ๊กโปรเจกต์ อย่างโครงการ ดิ อิสสระ สาทร ซึ่งมียอดขายแล้ว 55% และโครงการ ศศรา หัวหิน มียอดขายประมาณ 75% ซึ่งปัจจุบันทั้ง 2 โครงการมียอดขายรอโอน (Backlog) รวม 2.5 พันล้านบาท

อย่างไรก็ตาม จากแผนการพัฒนาโมเดลธุรกิจดังกล่าวของกลุ่มชาญอิสสระที่จะพัฒนาในก้าวต่อจากนี้ไป จะเป็นแกนสำคัญในการผลักดันเป้ารายได้ และสร้าง Brand Awareness ที่แข็งแกร่งให้กับชาญอิสสระ ไปสู่ระดับโลก ผ่านการขับเคลื่อนกลยุทธ์ที่สำคัญของการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในทุกๆด้าน ที่มีความครบวงจรในด้านการให้บริการในระดับพรีเมี่ยม พร้อมขึ้นแท่นแบรนด์หรูครองความเป็นผู้นำด้านตลาดลักชัวรี่ในประเทศไทย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ธ.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top