เศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวฟื้น ดันยอดใช้น้ำมัน 10 เดือนแรกปีนี้เพิ่ม

น.ส.นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง 10 เดือนปี 66 (ม.ค.-ต.ค.) อยู่ที่ 152.17 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.3% ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ

 

– กลุ่มเบนซิน การใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 31.50 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.9%

– กลุ่มดีเซล การใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 68.59 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.0% เนื่องจากในปี 2565 (ก.ย. – ต.ค.) มีการใช้น้ำมันดีเซลพื้นฐานเป็นเชื้อเพลิงสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้า

– การใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิซย์ (Jet A1) เฉลี่ยอยู่ที่ 13.17 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 60.6% เนื่องจากการฟื้นตัวด้านการท่องเที่ยว

– การใช้ LPG เฉลี่ยอยู่ที่ 17.93 ล้านกก./วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.8%

– การใช้ NGV เฉลี่ยอยู่ที่ 3.36 ล้านกก./วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.8%

 

บังคับใช้มาตรฐานยูโร 5 แก้ปัญหาฝุ่น

นอกจากนี้ กรมธุรกิจพลังงาน ยังได้มีการบังคับใช้น้ำมันมาตรฐานยูโร 5 ลดฝุ่น PM 2.5 เพื่อสุขภาพของประชาชน ซึ่งเรื่องนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากปัญหามลพิษทางอากาศ และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในวงกว้าง รัฐบาลจึงได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหามลพิษ PM 2.5 เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งกำหนดมาตรการป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง (แหล่งกำเนิด) จึงได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงกระทรวงอุตสาหกรรม กำหนดมาตรฐานไอเสียรถยนต์ใหม่เป็นระดับยูโร 5และยูโร 6 และมอบให้กระทรวงพลังงาน โดยกรมธุรกิจพลังงานบังคับใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมาตรฐานยูโร 5 (กำมะถันไม่

เกิน 10 ppm) ทั้งนี้ จะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป

“ขอให้ประชาชนผู้ใช้รถยนต์มั่นใจ น้ำมันมาตรฐานยูโร 5 สามารถใช้ได้กับรถยนต์ทั้งรุ่นเก่า และรุ่นใหม่ โดยไม่เกิดปัญหาต่อเครื่องยนต์ และช่วยลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนจากปัญหาฝุ่น PM 2.5 โดยจากข้อมูลกรมควบคุมมลพิษ พบว่า รถยนต์มาตรฐานยูโร 3 และรถยนต์มาตรฐานยูโร 4 ซึ่งมีสัดส่วนการใช้งานมากที่สุด เมื่อใช้น้ำมันมาตรฐานยูโร 5 จะทำให้ฝุ่น PM 2.5 ลดลงถึง 20 – 24% อีกด้วย” นางสาวนันธิกา กล่าว

 

ชงครม.แนวทางปรับลดชนิดน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเหลือ 2 ชนิด

นอกจากนี้ กระทรวงพลังงาน โดยกรมธุรกิจพลังงาน อยู่ระหว่างนำเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อรับทราบแนวทางการปรับลดชนิดน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) โดยปรับลดชนิดน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว เหลือ 2 ชนิด คือ น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา ที่เป็นน้ำมันฐานของประเทศจะมีการผสมไบโอดีเซล (B100) อยู่ที่ 7% ซึ่งเป็นสัดส่วนสูงสุดที่สามารถใช้กับน้ำมันมาตรฐานยูโร 5 ที่ค่ายรถยนต์ให้การยอมรับ และไม่ส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์ และให้มีน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 เป็นน้ำมันทางเลือก เริ่ม 1 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป

การปรับลดชนิดน้ำมันดังกล่าว จะไม่ส่งผลให้ปริมาณการใช้ปาล์มน้ำมันลดลง เนื่องจากน้ำมันดีเซลหมุนเร็วในปัจจุบัน มีสัดส่วนผสมไบโอดีเซลอยู่ที่ 7% อยู่แล้ว โดยมีการใช้ไบโอดีเซลอยู่ที่ 4.33 ล้านสิตร/วัน และการใช้น้ำมันปาล์มอยู่ที่ 3.77 ล้านกก./วัน และคาดว่าในปี 2567 จะมีการใช้ไบโอดีเซล อยู่ที่ 4.66 ล้านสิตร/วัน และการใช้น้ำมันปาล์มอยู่ที่ 3.88 ล้านกก./วัน ตามปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม กพช. ได้มอบหมายให้ ธพ. ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการอุปทานน้ำมันปาล์มหากได้รับผลกระทบจากการปรับลดชนิดน้ำมันดีเซลดังกล่าว

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ธ.ค. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top