จีน สนใจแลนด์บริดจ์ เตรียมส่ง “สุริยะ” โรดโชว์-พร้อมส่งหมีแพนด้ามาไทยอีกครั้ง

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวถึงการหารือร่วมกับนายหวัง อี้ สมาชิกกรมการเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านกิจการต่างประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการ

โดยนายหวัง อี้ ระบุว่า รัฐบาลและเอกชนจีนยังสนใจโครงการแลนด์บริดจ์ และต้องการข้อมูลเพิ่ม ซึ่งนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม จะเดินทางไปในประเทศจีนเร็วๆ นี้ เพื่อจัดโรดโชว์โครงการแลนด์บริดจ์

อีกทั้งได้มีการหารือเรื่องการค้าการลงทุน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ซึ่งจะผ่านหนองคาย ประเทศลาว ไปยังประเทศจีน ซึ่งมีปัญหาเล็กน้อย โดยให้คณะทำงานทั้งสองประเทศมาทำงานร่วมกัน ซึ่งเรื่องนี้ไทยมีแผนงานอยู่แล้ว รวมทั้งการตั้งด่านกักกันตรวจโรคสัตว์ในประเทศไทย

ทั้งนี้ ในปี 2568 ไทยและจีนจะครบรอบการฉลอง 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอย่างลึกซึ้ง จึงเป็นโอกาสสำคัญที่สะท้อนถึงความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็นเศรษฐกิจหลักในประเทศไทย

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ปัจจุบันจำนวนเที่ยวบินยังไม่กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ซึ่งก่อนสถานการณ์โควิดมีถึงสัปดาห์ละ 2,000 ไฟล์ท ปัจจุบันเหลือแค่ 1,200 ไฟล์ท/สัปดาห์ ดังนั้น จึงจะยกระดับการเดินทางระหว่างสองประเทศ ไปมาหาสู่กันให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และมั่นใจว่าเมื่อมีการปรับจะทำให้นักท่องเที่ยวจีนเข้ามายังประเทศไทยสูงขึ้น และนักท่องเที่ยวชาวไทยก็จะได้ไปท่องเที่ยวประเทศจีน จึงเป็นผลดีต่อทั้งสองประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นแน่นอน

นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ได้ตัดสินใจขอให้หมีแพนด้าให้กลับมาประเทศไทยอีกครั้ง และทางการจีนก็ยินดีให้การสนับสนุน และต่อไปไทยจะมีหมีแพนด้ากลับมาอีกครั้งที่สวนสัตว์เชียงใหม่อีกครั้ง

สำหรับกรณีที่นายหวัง อี้ พบปะหารือประชุมกับเจค ซัลลิเวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ในกรุงเทพฯ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยมีเจตนารมย์ให้การสนับสนุน และเป็นประเทศกลาง ที่สหรัฐและจีนเป็นเวทีพูดคุยกันในหลายมิติ ซึ่งต่อไปในอนาคตก็ยินดีสนับสนุนการเจรจาในลักษณะเช่นนี้ให้เกิดขึ้น ซึ่งจีนระบุว่าต้องเป็นประเทศไทย ทำให้บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ มีมิตรไมตรีจิตที่ดีต่อกันมาโดยตลอด ทำให้เลือกประเทศไทยมาเป็นที่พูดคุย เป็นการประชุมประวัติศาสตร์ครั้งแรกก็ว่าได้ จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับประเทศไทย

ทั้งนี้ ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ ทั้ง 2 ฝ่ายได้มีการลงนามเอกสาร 2 ฉบับจากความร่วมมือของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แก่

1) พิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านมาตรการสุขอนามัยพืช สำหรับการส่งออกต้นสนใบพาย จากประเทศไทยไปประเทศจีน ซึ่งการเปิดตลาดสินค้าเกษตรระหว่างกันอย่างเป็นทางการส่งผลให้ประเทศไทย สามารถส่งออกต้นสนใบพายไปยังจีนได้ รวมทั้งเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยในการสร้างตลาดใหม่ให้กับสินค้าเกษตรของไทย และเป็นการเพิ่มมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยในตลาดจีน รวมถึงเป็นการสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรของประเทศไทย และคาดว่าจะมีมูลค่าการส่งออกต้นสนใบพายจากไทยไปจีนราว 1,500 ล้านบาท/ปี

2) ความตกลงเพื่อแก้ไขพิธีสารว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ การกักกัน และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์เพื่อการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและชิ้นส่วนสัตว์ปีกไทยไปจีน เคยมีการลงนามในพิธีสารเมื่อวันที่ 24 ส.ค. 61 ซึ่งประเทศไทยสามารถส่งออกได้เฉพาะเนื้อไก่ เนื้อเป็ด ชิ้นส่วนและเครื่องในไก่ เท่านั้น

สำหรับการแก้ไขพิธีสารเพื่อขยายขอบข่ายตามร่างความตกลงฯ ฉบับใหม่ดังกล่าว จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งออกชิ้นส่วนและเครื่องในเป็ดได้เพิ่มเติมอีก 18 รายการ โดยในปี 66 ไทยมีมูลค่าการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและชิ้นส่วนสัตว์ปีกไปยังจีนกว่า 16,000 ล้านบาท คาดว่าภายหลังการลงนามพิธีสารจะเพิ่มมูลค่าการส่งออกได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ม.ค. 67)

Tags: , , , , , ,
Back to Top