TCC ลุยธุรกิจบริหารสินทรัพย์-อสังหาสร้าง New S-Curve ไฟเขียวจ่ายคืนหุ้นกู้ 200 ลบ.พร้อมออกชุดใหม่

นายกิตติศักดิ์ ชัยวิกรัย รองประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บมจ.ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น (TCC) ผู้ประกอบธุรกิจด้านการลงทุนและการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) กล่าวว่า TCC ลงทุนในธุรกิจหลัก 3 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจพลังงาน ในฐานะหนึ่งในบริษัทชั้นนำของประเทศในการประกอบธุรกิจการแปรรูปและค้าปลีกถ่านหินที่มีคุณภาพ และล่าสุด ต่อยอดมายังธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ภายใต้บริษัทย่อย บริหารสินทรัพย์ ทีซีซี จำกัด และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้ บริษัท ชัย แอสเซท จำกัด

TCC ประกาศแผนปี 67 เดินหน้าต่อยอดธุรกิจใหม่เต็มกำลัง รับสถานการณ์เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว โดยธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ซึ่งเพิ่งดำเนินธุรกิจเต็มตัวในช่วงครึ่งปีหลังของปีที่ผ่านมา ได้เริ่มเดินหน้าซื้อสินทรัพย์เข้ามาบริหารเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นประเภทหนี้สินที่มีหลักประกัน โดยมียอดเงินลงทุนซื้อหนี้ในปัจจุบันอยู่ที่ 128.4 ล้านบาท และอยู่ระหว่างเดินหน้าซื้อสินทรัพย์เข้ามาบริหารอย่างต่อเนื่อง เพื่อเดินหน้าสร้างโอกาสการเติบโต เพิ่มกระแสเงินสดเข้ามาต่อเนื่อง และมองว่าจะเป็นธุรกิจที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้ TCC ในอนาคต

ขณะที่ TCC เล็งเห็นโอกาสการต่อยอดไปยังธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากบริษัทมีที่ดินซึ่งมีเนื้อที่รวมประมาณ 106 ไร่ พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเดิมจะนำมาใช้ดำเนินธุรกิจตลาดค้าส่งสินค้าเกษตรแนวใหม่ ในฐานะศูนย์กลางการค้าส่งผลิตผลทางการเกษตรและผลิตผลทางการเกษตรแปรรูปแบบครบวงจร แต่สืบเนื่องมาจากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ COVID-19 บริษัทได้มีโอกาสทบทวนแผนการพัฒนาโครงการตลาดฯ และเห็นควรให้ชะลอการพัฒนาโครงการตลาดฯ และพิจารณาการเข้าลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ซึ่งคาดว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีได้เพิ่มเติม โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทและผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ

ทั้งนี้ จากการพิจารณาโอกาสทางธุรกิจที่ได้รับข้อเสนอมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทและที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท ได้มีมติอนุมัติการจำหน่ายที่ดินบางส่วนของ บริษัท ชัย แอสเซท จำกัด บริษัทย่อย ให้แก่บริษัทร่วมทุน (JV) สองบริษัท ซึ่งจัดตั้งโดย บมจ.บริทาเนีย (BRI) ผู้ประกอบธุรกิจที่มีประสบการณ์การพัฒนาและบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบ เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทหมู่บ้านจัดสรร และบริษัท ชัย แอสเซท จำกัด ได้วางแผนนำเงินบางส่วนจากการจำหน่ายที่ดิน เข้าร่วมลงทุนโดยการซื้อหุ้นสามัญและเพิ่มทุนใน JV ดังกล่าว รวมเป็นเงินประมาณ 140 ล้านบาท ทั้งนี้ มูลค่าโครงการของ ทั้งสอง JV อยู่ที่ประมาณ 2.4 พันล้านบาท โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างกระบวนการจัดหาสินเชื่อโดย BRI ซึ่ง TCC มองโอกาสครั้งนี้ว่าจะเป็นการปูทางเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ TCC และจะเป็นการสร้างฐานกำไรที่ดีนอกจากนี้ ยังเป็นการสนับสนุนกลยุทธ์การเติบโตแบบ Inorganic Growth ผ่านการร่วมลงทุน (JV) ตามแผนงานที่วางไว้

“หลังจาก TCC ได้ทรานสฟอร์มองค์กรสู่การเป็นบริษัทโฮลดิ้งในปี 59 และได้วางแผนรุกธุรกิจใหม่ ต่อยอดการเติบโตและสร้างความมั่นคงของผลการดำเนินงาน โดยเฉพาะกำไรที่มั่นคงและมีเสถียรภาพ ซึ่งวันนี้ เรามองว่า เป็นเวลาที่เหมาะสมที่ TCC จะเปิดเกมบุกธุรกิจใหม่เพิ่มเติมแบบเต็มกำลัง เพื่อเข้ามาสนับสนุนการเติบโตของเรา ทั้งธุรกิจบริหารสินทรัพย์ และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เราจับมือไปกับพันธมิตร สำหรับธุรกิจถ่านหิน มุ่งเน้นทำการตลาด และขยายฐานลูกค้าใหม่ทั้งในประเทศและกลุ่ม CLMV โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัท ได้แก่ กลุ่มโรงไฟฟ้า, โรงงานอุตสาหกรรมกระดาษ, อุตสาหกรรมอาหาร และ กลุ่มอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ก็มองว่ายังเป็นธุรกิจที่เติบโตไปพร้อมกับดีมานด์ถ่านหินทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ บริษัทจะขยับขยายการลงทุนเพิ่มเติมในพลังงานทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการทำธุรกิจควบคู่กับการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม” นายกิตติศักดิ์ กล่าว

ด้าน นายบุญอนันต์ ศรีขาว กรรมการผู้จัดการ TCC กล่าวว่า ในด้านฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง TCC ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานและบริหารจัดการทางการเงินเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน รวมทั้งการจัดสรรเงินทุนเพื่อรองรับการขยายธุรกิจ และการเตรียมความพร้อมเพื่อชำระหุ้นกู้ตามกำหนด โดยไตรมาส 1/67 บริษัทมีหุ้นกู้ครบกำหนดจำนวน 1 ชุด มูลค่า 200 ล้านบาท เป็นหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระในวันที่ 25 ก.พ.67 ซึ่งบริษัทได้จัดเตรียมเงินสดไว้เรียบร้อยแล้ว โดยจะเป็นการชำระคืนก่อนออกขายหุ้นกู้รอบใหม่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการเงินของบริษัท

ล่าสุด บริษัทมีกำหนดการออกหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2567 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2568 อายุ 1 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยคาดว่าอยู่ในช่วง 7.25% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน ตลอดอายุของหุ้นกู้ เสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ระหว่างวันที่ 27-29 กุมภาพันธ์ 2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจของบริษัท โดยมีผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ได้แก่ บล. ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)และ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ก.พ. 67)

Tags: , , , , ,
Back to Top