SCBAM เปิดกองบอนด์สหรัฐพ่วงสัญญาวอแรนต์หาผลตอบแทนเพิ่ม ขาย 23 พ.ค.-4 มิ.ย.

นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.ไทยพาณิชย์ (SCBAM) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ตอบรับทิศทางเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มชะลอตัว ซึ่งเห็นได้จากดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) และดัชนีผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เดือนเมษายน 2567 ที่ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ อีกทั้ง ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินด้วยการส่งสัญญาณ ยุติการดึงสภาพคล่องออกจากระบบผ่านการทำ Quantitative Tightening (QT) โดยจะเริ่มในเดือนมิถุนายนนี้ ทำให้มองว่ามีโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในปีนี้ ซึ่งหากเฟดเริ่มมีการปรับลดดอกเบี้ย จะช่วยหนุนให้การลงทุนในตลาดตราสารหนี้ช่วงอายุระยะกลางถึงยาวน่าสนใจ

SCBAM จึงเพิ่มทางเลือกที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มผ่าน Treasury Bond ETF ซึ่งเป็น กองทุน ETFพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ช่วงอายุ 7 ถึง 10 ปี ผ่านกองทุนใหม่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Structured Complex Return 1YB ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย หรือ SCBSHARC1YB โดยจะเปิดเสนอขายครั้งเดียว ระหว่างวันที่ 23 พฤษภาคม-4 มิถุนายน 2567 เริ่มต้นลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท

กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Structured Complex Return 1YB ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย หรือ SCBSHARC1YB ซึ่งเป็นกองทุน Complex Fund อายุ 1 ปี โดยมีกลยุทธ์การลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงการขาดทุนเงินต้น และการหาโอกาสสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากการลงทุน โดยแบ่งการลงทุนออกเป็น 2 ส่วน คือ

ส่วนที่ 1 ลงทุนในตราสารหนี้และเงินฝากระดับ Investment Grade ทั้งในและต่างประเทศมีความผันผวนต่ำ ในสัดส่วนร้อยละ 98.30 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน (NAV) โดยเงินลงทุนในส่วนนี้มีการป้องความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน พร้อมโอกาสได้รับผลตอบแทนในอัตราคงที่จากการลงทุน

และส่วนที่ 2 ลงทุนในสัญญาวอร์แรนต์ที่อ้างอิงกับผลตอบแทนของกองทุน iShares 7-10 Year Treasury Bond ETF (IEF) ในสัดส่วนร้อยละ 1.70 ของ NAV เพื่อหาผลตอบแทนส่วนเพิ่ม โดยจะมีลักษณะการจ่ายผลตอบแทนแบบ Shark Fin ซึ่งหากผลตอบแทนของสัญญาวอร์แรนต์อ้างอิง ณ วันพิจารณา มีการปรับขึ้นมากกว่า 0 แต่ไม่เกิน 10% เมื่อเทียบกับระดับอ้างอิง ณ เริ่มต้นสัญญา จะมีโอกาสรับผลตอบแทนส่วนเพิ่มสูงสุดที่เป็นไปได้ที่ 5% และหากผลตอบแทนของสัญญาวอร์แรนต์อ้างอิงเปลี่ยนแปลงเกินกว่า 10% ณ วันใดวันหนึ่ง ผู้ลงทุนก็ยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนชดเชยที่ 1.50% อีกด้วย ทั้งนี้ หากผลตอบแทนตามสัญญาอ้างอิงที่กำหนดไว้ระหว่างอายุสัญญามีการปรับตัวน้อยกว่า/เท่ากับศูนย์ ณ วันพิจารณาสัญญา ก็อาจทำให้ผู้ลงทุนไม่ได้รับผลตอบแทนส่วนเพิ่มนี้ แต่ยังคงได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในส่วนของตราสารหนี้และเงินฝากได้

“Treasury Bond ETF เป็น กองทุน ETF ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ออกโดยกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ซึ่งได้รับความนิยมจากนักลงทุนที่สนใจการลงทุนในตราสารหนี้ในช่วงที่คาดว่าดอกเบี้ยสหรัฐฯ ได้อยู่ในจุดสูงสุดในวัฎจักรดอกเบี้ยรอบนี้แล้ว อีกทั้งพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับการลงทุนในตราสารประเภทอื่นและมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ อีกทั้งการลงทุนใน Treasury Bond ETF ที่เป็นพันธบัตรระยะกลางถึงยาว ในช่วงจังหวะที่ดอกเบี้ยเป็นขาลง จะเป็นโอกาสสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม เพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับพอร์ตลงทุนจากการเปลี่ยนแปลงของราคาได้” นางนันท์มนัส กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 พ.ค. 67)

Tags: , , ,
Back to Top