BTG ส่งแบรนด์พรีเมียม “La Comida” รุกตลาดเนื้อสัตว์พร้อมทานสไตล์ยุโรปพร้อมเปิด Flagship Store สาขาแรก

บมจ.เบทาโกร (BTG) เปิดตัวแบรนด์ “La Comida” ชาร์คูเทอรี (Charcuterie) เนื้อสัตว์พร้อมทานสไตล์ยุโรป ตอกย้ำกลยุทธ์การเพิ่มมูลค่าสินค้า และตั้งเป้าเป็นผู้นำการผลิตสินค้าชาร์คูเทอรี ชูจุดเด่นคุณภาพพรีเมียมเหนือระดับ (Ultra-Premium) ผลิตจากเนื้อหมู S-Pure ผ่านกระบวนการเลี้ยงแบบธรรมชาติ 100% นำมาตัดแต่งอย่างประณีตผ่านกรรมวิธีผลิตในแบบยุโรปดั้งเดิม พร้อมเปิด Flagship store สาขาแรกที่พาร์ค สีลม ตอบโจทย์กลุ่มผู้ประกอบการด้านอาหาร ตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ อาทิ เชียงใหม่ และภูเก็ต 3-5 สาขา ภายในปี 2570

นายโอลิเวอร์ ก็อตชัลล์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจอาหาร BTG เปิดเผยว่า จากกระแสการนิยมบริโภคชาร์คูเทอรี และชีสบอร์ด (Cheese board) ในไทยที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ และผู้ที่ชื่นชอบอาหารสไตล์ยุโรป ประกอบกับผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ต้องนำเข้าจากต่างประเทศเป็นหลัก เบทาโกร ในฐานะบริษัทอาหารครบวงจรชั้นนำของไทยที่ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารใหม่ ๆ จึงได้พัฒนาสินค้าในกลุ่มชาร์คูเทอรี ภายใต้แบรนด์ “La Comida” เพื่อตอกย้ำกลยุทธ์การเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเบทาโกร และตั้งเป้าเป็นผู้นำการผลิตสินค้าชาร์คูเทอรีคุณภาพพรีเมียมเหนือระดับของไทย ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบด้านอาหารที่มองหาสินค้าที่มีคุณภาพสูง โดยไม่ต้องนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ

นอกจากนี้ เบทาโกรยังได้เปิดตัว “La Comida Shop” ซึ่งเป็น Flagship store สาขาแรก ณ พาร์ค สีลม เพื่อจำหน่ายสินค้าชาร์คูเทอรี ชีส และสินค้านำเข้า พร้อมให้บริการลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติที่ชื่นชอบอาหารสไตล์ยุโรป อีกทั้งมีผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำแนะนำและบริการชาร์คูเทอรี ฟู้ดเซอร์วิสโซลูชัน (Food Service Solution) ตั้งแต่การพัฒนาเมนูอาหาร การจัดหาวัตถุดิบ จนถึงการนำส่งผลิตภัณฑ์ถึงลูกค้า ที่สำคัญยังมีแผนที่จะขยายสาขาทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ อาทิ เชียงใหม่ และภูเก็ต จำนวน 3-5 สาขา ภายในปี 2570 รวมถึงการขยายไปในตลาดต่างประเทศในแถบเอเชียอีกด้วย

สำหรับแบรนด์ La Comida ใช้วัตถุดิบหลักจากผลิตภัณฑ์เนื้อหมู S-Pure ที่ผ่านกระบวนการเลี้ยงแบบธรรมชาติ 100% แบรนด์แรกและหนึ่งเดียวของไทยที่ได้รับการรับรอง “การเลี้ยงที่ไม่มียาปฏิชีวนะ (Raised Without Antibiotics – RWA)” จาก NSF สหรัฐอเมริกา นำมาผ่านกรรมวิธีผลิตในสไตล์ยุโรปดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นการหมักเกลือและเครื่องเทศ การบ่มและรมควัน หรือการปรุงสุกผ่านความร้อน จนเกิดเป็นสินค้าคุณภาพพ Ultra-Premium การันตีความอร่อยด้วย Finest & authentic taste โดยผู้เชี่ยวชาญชาวยุโรป โดยผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์พร้อมทานสไตล์ยุโรป แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

1) กลุ่ม Dry-Cured Hams มีผลิตภัณฑ์อย่าง “คอปป้า (Coppa)” ผลิตจากเนื้อหมูสันคอ S-Pure หอมกลิ่นกระเทียมพริกไทยดำ, “ฟิเลมิยอง (Filet Mignon)” ผลิตจากเนื้อหมูสันใน S-Pure รสชาติกลมกล่อมด้วยเครื่องเทศไทม์ โรสแมรี่ และหอมกลิ่นสโมค และ “โลโม่ เอมบูชาโด (Lomo Embuchado)” ผลิตจากเนื้อหมูส่วนหลัง S-Pure มาพร้อมรสเข้มข้นของปาปริก้าและกระเทียม ให้รสชาติที่จัดจ้าน

2) กลุ่ม Cured Sausages ที่มี “ซาลามี (Salami)” ไส้กรอกเนื้อหมู S-Pure บ่มแห้งสไตล์อิตาเลียน หอมกลิ่นกระเทียมและพริกไทยขาว, “โซสซิสง (Saucisson Traditional)” รสชาติคลาสสิคตามแบบฉบับฝรั่งเศส ด้วยเครื่องเทศอย่างกระเทียม และพริกไทย, “โซสซิสง โรเชฟอร์ 8 (Saucisson Rochefort 8)” ไส้กรอกเนื้อหมู S-Pure บ่มแห้งชนิดหนา รสชาติเข้มข้น มีกลิ่นอายเบียร์ Rochefort 8, “โชริโซ (Chorizo)” ไส้กรอกเนื้อหมู S-Pure บ่มแห้งเข้มข้น รสปาปริก้า กระเทียม และไวน์แดง สุดท้าย “เปปเปอโรนี (Pepperoni)” ไส้กรอกเนื้อหมู S-Pure บ่มแห้ง ผสมเนื้อวัว ปรุงด้วยเกลือ พริกไทย และไวน์ขาว

3) กลุ่ม Spreads ประกอบด้วย “ปาเต้ (Pate)” เนื้อหมู S-Pure ปรุงสุกพร้อมไข่ พริกไทยดำ และ Rillette เนื้อหมู S-Pure ปรุงรสด้วยเกลือ สมุนไพร รสชาติต้นตำรับจากฝรั่งเศส

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ก.ย. 67)

Tags: , , ,
Back to Top