นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เดินทางเข้ายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ตรวจสอบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอตคลับ จำกัด ตั้งแต่ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค.67 จนถึงวันที่ 3 ก.ย.67 ว่าเข้าข่ายไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักจักษ์ตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ และการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมข้อ 8 หรือไม่ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวว่า จากข้อมูลสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) กรมธุรกิจการค้า ณ วันที่ 30 เม.ย.67 บริษัท อัลไพน์ฯ มีผู้ถือหุ้น 4 คน คือ คุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ 10% และลูกอีก 3 คน ในจำนวนเท่ากันคือคนละ 30% ซึ่งต่อมาวันที่ 16 ส.ค.67 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเลือก น.ส.แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี และมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งในวันดังกล่าวยังไม่พบการโอนหุ้น จนกระทั่งต้นเดือน ก.ย.ก่อนตั้งคณะรัฐมนตรีพบว่า ในวันที่ 3 ก.ย.67 มีการโอนหุ้นในชื่อของ น.ส.แพทองธาร จำนวน 30% ไปให้คุณหญิงพจมาน และไปยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในวันถัดไป จึงเห็นข้อเท็จจริงชัดจากใบขอยื่นบัญชีรายละเอียดผู้ถือหุ้น ทั้งวันที่ 30 เม.ย.67 และวันที่ 4 ก.ย.67 ว่าเป็นช่วงที่ น.ส.แพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งการเป็นนายกรัฐมนตรีและถือหุ้นบริษัท อัลไพน์ฯ 30% ถือว่าฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ที่กำหนดให้ถือหุ้นได้ไม่เกิน 5% และในประเด็นนี้จะยื่นเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไป
นอกจากนี้สัดส่วนการถือหุ้น 30% ถือว่าเป็นเจ้าของ เข้าลักษณะตามที่มาตรฐานทางจริยธรรมกำหนดไว้หรือไม่ โดยเฉพาะข้อ 8 ซึ่งมีคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ และนางกนกวรรณ วิลาวรรณ เรื่องที่ดิน สปก.4-01 ครอบครองต่อเนื่องมาจากบิดา เข้าข่ายประพฤติเสื่อมเสีย โดยเป็นคดีที่มีลักษณะคล้ายกัน และยังเข้าข่ายขัดกันแห่งผลประโยชน์ ซึ่งมีคดีตัวอย่างเป็นคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีกองทุนฟื้นฟูฯ ขายที่ดินรัชดาภิเษกให้กับคุณหญิงพจมานและนายทักษิณ ชินวัตร ไปลงชื่อเป็นพยาน และคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ได้อธิบายความไว้ชัดว่า การที่อดีตอธิบดีกรมที่ดินเพิกถอนการจดทะเบียนที่ดินธรณีสงฆ์ ต่อมาอดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทยไปยกเลิกเพิกถอน ศาลชี้ว่ากระทำความผิด ซึ่งหมายความว่า คำสั่งเพิกถอนการแบ่งแยกโฉนด การจดทะเบียนโฉนดไม่ชอบด้วยกฎหมายมาจนถึงปัจจุบัน ขณะที่ตามระเบียบบริหาราชการแผ่นดินกำหนดให้คนเป็นนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบทุกกระทรวง ทบวง กรม ตรงนี้ก็อยู่ในคำพิพากษาคดีที่ดินรัชดาฯ ด้วย
นายเรืองไกร กล่าวว่า พยานหลักฐานเหล่านี้สามารถทำให้เชื่อได้ว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า น.ส.แพทองธาร ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมที่สามารถยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยโดยเร็ว ตนมองว่าน้ำหนักของเอกสารหลักฐาน 90% เรื่องจึงไม่น่าจะล่าช้า ดังนั้น กกต.ควรรีบทำเรื่องนี้เพราะเป็นการกล่าวหาบุคคลสำคัญที่เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารคือตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พยานหลักฐานที่ตนนำมายื่นก็ถือว่าหนาแล้ว เชื่อว่านายกรัฐมนตรีต้องใช้ทีมกฎหมายจำนวนมากในการแก้ข้อกล่าวหาเรื่องนี้ น่าจะเหนื่อย เพราะน้ำหนักที่ตนให้กับเรื่องนี้ถึง 90%
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตุว่าเป็นช่วงรอยต่อหลังรับตำแหน่งที่ต้องลาออกภายใน 15 วัน นายเรืองไกร กล่าวว่า เป็นความเข้าในคลาดเคลื่อน เพราะช่วงรอยต่อของการยื่นบัญชี เลขาธิการ ป.ป.ช.เคยพูดไว้ และตนเคยติงไปแล้วว่า พ.ร.บ.จัดการหุ้นส่วน และหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ.2543 ไม่ได้เขียนว่าให้นับจากวันที่ถวายสัตย์ปฏิญาณ แต่ต้องแจ้งภายใน 30 วัน ก็รอมาจนถึงวันนี้ นับจากวันที่ 16 ส.ค.67 มาจนถึง 16 ก.ย.67 ถือว่าเลยเวลามาแล้ว การถือหุ้นใน 20 บริษัทถือว่าเป็นการถือหุ้นไม่ถึง เพราะเป็นการถือในลักษณะโฮลดิ้งอยู่ด้วย ตนดูมาหมดแล้ว ดังนั้นถ้านายกรัฐมนตรีถือเกิน 5% จะต้องแจ้งภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้ง ไม่ใช่วันถวายสัตย์ปฏิญาณ และเป็นระยะเวลา 30 วัน ไม่ใช่ 15 วัน ดังนั้นที่เลขาธิการ ป.ป.ช.พูดน่าจะคลาดเคลื่อน
นายเรืองไกร กล่าวว่า เรื่องนี้น่าจะเข้าข่ายความผิดทั้งเรื่องถือหุ้น 5% หรือเรื่องที่ดินได้มาโดยมิชอบ และยังมีเรื่องอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งตนจะให้ข้อมูลในภายหลัง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ต.ค. 67)
Tags: กกต., เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ, แพทองธาร ชินวัตร