ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 17-18 ก.ย. โดยระบุว่า กรรมการเฟด “ส่วนใหญ่” สนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันดังกล่าว ซึ่งเป็นการเริ่มต้นการผ่อนคลายนโยบายการเงิน แต่กรรมการเฟดมีความเห็นตรงกันว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้จะไม่ผูกมัดเฟดให้ต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอัตราใดเป็นพิเศษในอนาคต
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รายงานการประชุมได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแสดงความเห็นที่หลากหลายของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ก่อนที่คณะกรรมการ FOMC จะลงมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่โดยปกติแล้วเฟดจะสงวนไว้สำหรับช่วงเวลาที่เฟดมีความกังวลว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวลงอย่างรวดเร็วและจำเป็นต้องอาศัยสภาวะทางการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ถูกคัดค้านโดยมิเชลล์ โบว์แมน หนึ่งในสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟด
รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า การที่คณะกรรมการ FOMC ลงมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% นั้น เนื่องจากเห็นว่าเงินเฟ้อมีความคืบหน้าในการชะลอตัวลงสู่เป้าหมายของเฟดและความเสี่ยงที่มีต่อตลาดแรงงานนั้นอยู่ในภาวะที่สมดุล ขณะเดียวกันรายงานประชุมระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่สนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่านี้ โดยไม่ได้ระบุว่ามีกรรมการกี่คนที่คัดค้านความเห็นดังกล่าว
ในการประชุมเมื่อวันที่ 17-18 ก.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติ 11 ต่อ 1 ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 4.75-5.00% ซึ่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งขณะนั้นเฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงใกล้ 0% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ส่วนในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ภายในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวม 1.00% ในปี 2568 และลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในปี 2569
โดยรวมแล้ว Dot Plot บ่งชี้ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2.00% หลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ต.ค. 67)
Tags: ธนาคารกลางสหรัฐ, นโยบายการเงิน, สหรัฐ, อัตราดอกเบี้ย, เฟด