
นักวิจัยสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาฯ พัฒนา “ปะการังสู้โลกร้อน” ด้วยการผสมเทียมอาศัยเพศและเพาะเลี้ยงปะการังในสภาพแวดล้อมอุณหภูมิสูงตั้งแต่แรกเกิด เพื่อเพิ่มความอึดให้ปะการังสามารถสู้โลกร้อน พร้อมเผยเทคโนโลยีการแช่เยือกแข็งเซลล์สืบพันธุ์ปะการัง หวังคืนชีพปะการังในวันที่สภาพแวดล้อมในทะเลเหมาะสม
ศาสตราจารย์ ดร.สุชนา ชวนิชย์ ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ และรองกรรมการผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาฯ ได้ศึกษาทดลองเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ปะการังหลายรุ่น มาตั้งแต่ปี 2548 ที่สถานีวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเลและศูนย์ฝึกนิสิต เกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี และพบว่า “ปะการังสามารถปรับตัวเพื่อความอยู่รอดในภาวะโลกร้อนได้ดี เมื่อปะการังถูกเลี้ยงในสภาพแวดล้อมที่อุณหภูมิสูงตั้งแต่แรกเกิด” และนี่คือที่มาของการขยายพันธุ์และเพาะเลี้ยง “ปะการังสู้โลกร้อน”
ศ. ดร.สุชนาเปิดเผยถึงการขยายพันธุ์ของปะการังว่า “ปะการังเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง อาศัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม (Colony) ตามโขดหินในทะเล ปะการังเป็นทั้งที่อยู่และแหล่งอาหารของสัตว์ต่าง ๆ”
ปะการังขยายพันธุ์ 2 วิธีตามธรรมชาติ ได้แก่
1. สืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ คือ การที่ปะการังปล่อยไข่และสเปิร์มออกมาผสมกันในน้ำในช่วงคืนวันเพ็ญ ซึ่งมีโอกาสรอดเติบโตเป็นปะการังเพียง 0.001% เท่านั้น (ทั้งถูกสัตว์น้ำกิน และไม่ปฏิสนธิ)
2. สืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ คือ ปะการังที่หักออกมาจากปะการังเดิม ถ้าหักมาตกในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมก็จะสามารถเจริญเติบโตเป็นกลุ่มปะการังใหม่ได้ การขยายพันธุ์แบบนี้ทำให้ปะการังมีโอกาสรอด 50% แต่ความหลากหลายของสายพันธุ์จะต่ำ
“การขยายพันธุ์ตามธรรมชาติของปะการังทั้ง 2 แบบดังกล่าวนั้น ค่อนข้างใช้เวลานาน ยิ่งในสภาวะโลกร้อน การผสมพันธุ์แบบอาศัยเพศยิ่งลดลงไปมาก ถ้าเราปล่อยให้ปะการังฟื้นฟูขยายพันธุ์ด้วยตัวเองตามธรรมชาติ ปะการังอาจเติบโตทดแทนปะการังที่ตายจากภาวะปะการังฟอกขาวไม่ทัน และเสี่ยงสูญพันธุ์ในอีกไม่ช้า” ศ. ดร.สุชนา กล่าว
สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ และคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมกับ โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองทัพเรือ จึงพยายามขยายพันธุ์ปะการังด้วย “เทคนิคผสมเทียม” คือ การเลียนแบบการผสมพันธุ์ตามธรรมชาติของปะการัง
ศ. ดร.สุชนา อธิบายการขยายพันธุ์ปะการังด้วยเทคนิคผสมเทียมว่า “นักวิจัยจะลงเก็บเซลล์สืบพันธุ์ ทั้งไข่และสเปิร์มของปะการังในคืนเดือนเพ็ญ ซึ่งเป็นช่วงที่ปะการังทั่วท้องทะเลพร้อมผสมพันธุ์ โดยการปล่อยสเปิร์มและไข่ออกมาพร้อมกัน แล้วนำเซลล์สืบพันธุ์เหล่านี้มาผสมพันธุ์ในบ่อเพื่อให้เกิดการปฏิสนธิ จนเกิดเป็นตัวอ่อนปะการัง แล้วจึงเตรียมวัสดุคืออิฐมอญ เพื่อให้ตัวอ่อนปะการังลงเกาะและเติบโตในโรงเพาะเลี้ยงเป็นเวลา 2 ปี ก่อนจะนำปะการังเหล่านี้กลับลงสู่ทะเลให้เติบโตอีก 3 ปี เมื่อปะการังอายุ 5 ปีปะการังก็จะพร้อมออกไข่ครั้งแรกได้ วิธีนี้ทำให้ปะการังมีโอกาสรอดและเติบโตสูงขึ้น”
ทีมวิจัยของ ศ. ดร.สุชนาจะนำตัวอ่อนปะการังที่เกิดจากการสืบพันธุ์แบบผสมเทียมมาอนุบาลในโรงเพาะเลี้ยงที่มีอุณหภูมิสูง 34 องศาเซลเซียส (น้ำทะเลปกติมีอุณหภูมิ 30-32 องศาเซลเซียส)
“ปะการังบางตัวทนความร้อนในน้ำไม่ไหว ก็จะตายตั้งแต่ตอนอยู่ในโรงเรือน ส่วนปะการังที่ปรับตัวได้ก็จะรอด และพร้อมสำหรับโอกาสที่จะไปเติบโตในท้องทะเลต่อไป”
เมื่อครบกำหนดระยะเวลา 2 ปี ทีมวิจัยก็นำตัวอ่อนปะการังที่รอดเหล่านี้ลงสู่ทะเล
“เราพบว่าปะการังเหล่านี้มีการปรับตัวให้ทนต่อน้ำทะเลที่มีอุณหภูมิสูงได้มากกว่าปะการังตามธรรมชาติ จึงทำให้มีโอกาสรอดจากการฟอกขาวได้มากขึ้น ถือเป็น “ปะการังสู้โลกร้อน” ที่เกิดขึ้นจากการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดตั้งแต่เด็ก”
จากการติดตามและเฝ้าสังเกต ศ. ดร.สุชนากล่าวว่า “หลังจากที่ลูกปะการังสู้โลกร้อนถูกปล่อยลงทะเล มีการเติบโต และกลายเป็นพ่อแม่พันธุ์ที่สามารถสืบพันธุ์เหมือนปะการังตามธรรมชาติ โดยพบครั้งแรกแล้วเมื่อปี 2566!”
“ปะการังจะปล่อยเซลล์สืบพันธุ์สีชมพูขนาดจิ๋วจำนวนมากออกมาในน้ำทะเลพร้อม ๆ กัน ซึ่งเมื่อเกิดปรากฏการณ์นี้ทีมนักวิจัยก็จะออกดำน้ำเก็บเซลล์สืบพันธุ์เหล่านี้มาช่วยขยายพันธุ์ต่อผ่านการผสมเทียม เป็นปะการังสู้โลกร้อนรุ่นต่อ ๆ ไป”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 พ.ค. 68)