
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงิน บาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.02 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากปิดวันก่อนที่ระดับ 32.83 บาท/ดอลลาร์
โดยตั้งแต่คืนที่ผ่านมา เงินบาททยอยอ่อนค่าลงต่อเนื่อง จนทะลุโซนแนวต้าน 33.00 บาท/ดอลลาร์ได้สำเร็จ ตามการรีบาวด์ แข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่ได้รับอานิสงส์จากภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม ท่ามกลางความหวังสถานการณ์สงคราม การค้าจะทยอยคลี่คลายลงได้ จากล่าสุดที่สหรัฐฯ กับอังกฤษ สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเบื้องต้น อีกทั้งทางการสหรัฐฯ กับจีนก็เตรียมที่ จะเจรจาการค้าในช่วงสุดสัปดาห์นี้
ขณะเดียวกัน รายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานของสหรัฐฯ ซึ่งออกมาดีกว่าคาด ช่วยหนุนเงินดอลลาร์ ผ่านการปรับ ลดความคาดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งลดดอกเบี้ย โดยตลาดกลับมาประเมินว่า เฟดมีโอกาสราว 76% ที่จะลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้ง ในปีนี้
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท จนทะลุโซนแนวต้าน 33.00 บาท/ดอลลาร์นั้น เนื่องจากเงินดอลลาร์อาจยังพอได้แรงหนุนอยู่ บ้าง ท่ามกลางความหวังแนวโน้มการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า ซึ่งส่งผลให้บรรยากาศในตลาดการเงินยังอยู่ใน ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน
รวมถึง “ธีมเฟดไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ย” (Higher for Longer) ก็อาจกลับมาอีกครั้ง ซึ่งภาวะเปิดรับความเสี่ยงของ ตลาด อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้บ้าง หากบรรดานักลงทุนต่างชาติทยอยเข้าซื้อหุ้นไทย
ทั้งนี้ ตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดอย่างใกล้ชิด ซึ่งมุมมองของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่อแนวโน้ม เศรษฐกิจ และทิศทางนโยบายการเงิน อาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินได้อย่างมีนัยสำคัญในช่วงนี้ได้ นายพูน คาดกรอบเงินบาทวันนี้จะอยู่ที่ระดับ 32.95-33.30 บาท/ดอลลาร์
ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยน อยู่ที่ระดับ 146.06 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 144.80 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1218 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 1.1291 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 32.774 บาท/ดอลลาร์
- จับตาวง Meet the Press ของนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วันนี้ ฟังมุม มองของผู้ว่าฯ ธปท. ต่อทิศทางเศรษฐกิจการเงินของไทยในปีนี้ ตลอดจนแนวนโยบายการเงิน ภายใต้สถานการณ์ความเสี่ยงจากมาตรการ ภาษีของสหรัฐฯ
- Citi Research หั่นคาดการณ์ GDP ไทยในปี 2568 เหลือ 2.2% จาก 3.0% หลังภาคการส่งออก และภาคการผลิต ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การค้าโลกผันผวน ขณะที่การบริโภคภาคเอกชน ยังอ่อนแรงจากหนี้ครัวเรือน ภาคท่องเที่ยวมีความเสี่ยงขา ลงจากเศรษฐกิจโลกชะลอ และนักท่องเที่ยวจีนลด พร้อมคาด กนง. ลดดอกเบี้ยอีกครั้ง ต.ค.68 เหลือ 1.50% หนุนเศรษฐกิจภายใต้เงิน เฟ้อต่ำ และคาดการณ์ GDP ปี 2569 เหลือ 2.0%
- รมว.คลัง เตรียมเรียกประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อพิจารณาทบทวนแผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ ตามข้อสั่ง การนายกรัฐมนตรี โดยจะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ให้พึ่งพาเศรษฐกิจภายในมากขึ้น และพึ่งพาต่างประเทศให้น้อยลง ครอบคลุมทั้งด้าน การส่งออก ท่องเที่ยว การขยายฐานภาษี การพัฒนาภาคการเกษตร ตลอดจนการเพิ่มสภาพคล่องผ่านซอฟต์โลน เพื่อช่วยลดผลกระทบ รับ มือความผันผวนจากทั่วโลก ทั้งนโยบายภาษีตอบโต้จากสหรัฐ หรือลดแนวโน้มเศรษฐกิจของไทย
- แบงก์กรุงเทพ (BBL) นำร่องหั่นดอกเบี้ยเงินฝาก-เงินกู้สนองนโยบายภาครัฐ มีผลตั้งแต่ 8 พ.ค. 68 – คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติด้วยคะแนนเสียง 7-2 ในการปรับลดอัตรา ดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 4.25% ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดี (8 พ.ค.) สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
- ปธน.ทรัมป์แถลงข่าวที่ทำเนียบขาวในวันพฤหัสบดีว่า สหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหราชอาณาจักรแล้ว ซึ่งเป็น ข้อตกลงฉบับแรกที่สหรัฐฯ ทำกับประเทศคู่ค้า นับตั้งแต่ที่ปธน.ทรัมป์ประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้กับประเทศต่าง ๆ ทั่ว โลกในเดือนเม.ย.
- สหราชอาณาจักรได้ตกลงที่จะปรับลดภาษีศุลกากรลงเหลือ 1.8% จากเดิม 5.1% และเปิดโอกาสให้สินค้าสหรัฐฯ เข้าถึง ตลาดได้มากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการค้าครั้งใหม่นี้ ขณะที่ภาษีศุลกากรพื้นฐาน (Baseline Tariff) ที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจาก สินค้านำเข้าของสหราชอาณาจักรนั้น จะยังคงอยู่ที่ระดับ 10%
- กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 13,000 ราย สู่ระดับ 228,000 ราย ในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 231,000 ราย
- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (8 พ.ค.) ขานรับข่าวการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลง หลังจากธนาคาร กลางอังกฤษ (BoE) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25%
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี (8 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศการทำข้อตกลงการค้ากับสหราชอาณาจักร ซึ่งทำให้มีการคาดการณ์ว่าสหรัฐฯ อาจจะบรรลุข้อตกลงการค้ากับประเทศอื่น ๆ เช่นกัน
- บิตคอยน์พุ่งขึ้นทะลุ 100,000 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.พ.68 โดยพุ่งขึ้น 5.15% สู่ระดับ 101,177.25 ดอลลาร์ ในการซื้อขายบนแพลตฟอร์ม Coinbase หลังสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหราชอาณาจักร ซึ่งนับเป็นข้อตกลงฉบับแรกที่ สหรัฐฯ ทำกับประเทศคู่ค้า นับตั้งแต่ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้กับประเทศต่าง ๆ ทั่ว โลกในเดือนเม.ย.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 พ.ค. 68)
Tags: ค่าเงินบาท, อัตราแลกเปลี่ยน, เงินบาท