ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 1,160.72 จุด ขานรับจีน-สหรัฐฯบรรลุดีลการค้า

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นกว่า 1,000 จุดในวันจันทร์ (12 พ.ค.) หลังจากสหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงการค้าชั่วคราว ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าโลก ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

  • ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,410.10 จุด เพิ่มขึ้น 1,160.72 จุด หรือ +2.81%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,844.19 จุด เพิ่มขึ้น 184.28 จุด หรือ +3.26% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,708.34 จุด เพิ่มขึ้น 779.43 จุด หรือ +4.35%

สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ และเจมีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ได้พบปะเจรจาการค้ากับเหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน ที่สวิตเซอร์แลนด์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงปรับลดอัตราภาษีศุลกากรฝ่ายละ 115% เป็นเวลา 90 วัน ส่งผลให้อัตราภาษีของสหรัฐฯ ที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากจีน ลดลงสู่ระดับ 30% จากเดิมที่ระดับ 145% และอัตราภาษีของจีนที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ลดลงสู่ระดับ 10% จากเดิมที่ระดับ 125%

ดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ต่างก็พุ่งขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. เนื่องจากข่าวการบรรลุข้อตกลงการค้าชั่วคราวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลและเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคึกคัก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นร่วงลงอย่างหนักและมีความผันผวนสูง ภายหลังจากรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรต่อบรรดาประเทศคู่ค้าเมื่อวันที่ 2 เม.ย.

ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ร่วงลง 16.03% ปิดที่ระดับ 18.39 โดยดัชนี VIX ปิดที่ระดับต่ำกว่า 20 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปลายเดือนมี.ค. หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 60 ในเดือนเม.ย. อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากร

หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยและกลุ่มเทคโนโลยี พุ่งขึ้น 5.66% และ 4.66% ตามลำดับ ส่วนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวลง 0.68%

หุ้นแอปเปิ้ล (Apple) พุ่งขึ้น 6.3% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทแอปเปิ้ลกำลังพิจารณาปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์ iPhone

หุ้นบริษัทผลิตยาฟื้นตัว หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักในช่วงแรก อันเนื่องมาจากการที่ปธน.ทรัมป์ประกาศใช้นโยบาย Most Favored Nation เพื่อลดราคายาครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ แต่นักวิเคราะห์มองว่าเป็นเรื่องยากที่นโยบายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้และอาจต้องเผชิญกับความท้าทายทางกฎหมาย ทั้งนี้ หุ้นไฟเซอร์ (Pfizer) ดีดตัวขึ้น 3.6%, หุ้น เมอร์ค แอนด์ โค (Merck & Co) พุ่งขึ้น 5.8% และหุ้นกิลเลียด ไซแอนเซส (Gilead Sciences) พุ่งขึ้น 7.1%

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนี CPI ประจำเดือนเม.ย.ของสหรัฐฯ ในวันนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI จะปรับตัวขึ้น 2.4% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากเพิ่มขึ้น 2.4% เช่นกันในเดือนมี.ค. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากเพิ่มขึ้น 2.8% เช่นกันในเดือนมี.ค.

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ในการประชุม Thomas Laubach Research Conference ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ในวันพฤหัสบดีที่ 15 พ.ค. เวลา 08.40 น. ตามเวลาสหรัฐฯ หรือตรงกับเวลา 19.40 น.ตามเวลาไทย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ค. 68)

Tags: , , ,
Back to Top