
บริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ (Berkshire Hathaway) ของมหาเศรษฐี วอร์เรน บัฟเฟตต์ เปิดเผยข้อมูลการถือครองหุ้นในสหรัฐฯ ณ สิ้นไตรมาสแรก (31 มี.ค.) ต่อหน่วยงานกำกับดูแลเมื่อวันพฤหัสบดี (15 พ.ค.) ว่า บริษัทได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน Constellation Brands ผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายใหญ่ กว่าเท่าตัว พร้อมกันนั้นก็ได้ลดการถือครองหุ้นใน Citigroup และบริษัทในกลุ่มบริการทางการเงินอื่น ๆ
ปัจจุบัน เบิร์กเชียร์ถือหุ้นใน Constellation Brands (ผู้ผลิตเบียร์ Corona และไวน์ Kim Crawford) เพิ่มขึ้นเป็นราว 12 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 2.2 พันล้านดอลลาร์ หรือสัดส่วน 6.6% ของบริษัท จากเดิมที่ถืออยู่ 5.6 ล้านหุ้นเมื่อสิ้นปีที่แล้ว ข่าวดังกล่าวส่งผลให้หุ้น Constellation ปรับตัวขึ้น 2.7% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ
ในทางกลับกัน เบิร์กเชียร์ได้ขายหุ้น Citigroup ที่ถือมานาน 3 ปีออกทั้งหมด และไม่ได้แจ้งการถือครองหุ้นในบริษัทแม่ของ Nubank ฟินเทคสัญชาติบราซิลอีกต่อไป นอกจากนี้ยังลดสัดส่วนการถือหุ้นใน Bank of America เหลือ 632 ล้านหุ้น (จาก 1.03 พันล้านหุ้นเมื่อเดือนก.ค. ปีก่อน) และลดการถือหุ้นใน Capital One ซึ่งมีแผนจะเข้าซื้อ Discover Financial Services ผู้ให้บริการบัตรเครดิตในสุดสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม รายงานรายไตรมาสนี้ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าการซื้อขายแต่ละรายการเป็นฝีมือของบัฟเฟตต์เอง หรือผู้จัดการพอร์ตอย่าง ทอดด์ คอมบ์ส และเท็ด เวสช์เลอร์ หรือแม้แต่ เกร็ก เอเบล ว่าที่ซีอีโอคนต่อไป ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว คอมบ์สและเวสช์เลอร์มักดูแลการลงทุนขนาดเล็ก ขณะที่บัฟเฟตต์ได้มอบหมายการตัดสินใจจัดสรรเงินทุนส่วนใหญ่ให้เอเบลแล้ว
เอกสารดังกล่าวยังเผยว่า เบิร์กเชียร์ได้รับอนุญาตจากก.ล.ต. สหรัฐฯ (SEC) ให้สามารถปกปิดข้อมูลการถือครองหุ้นบางรายการไว้เป็นความลับได้ ซึ่งเป็นวิธีที่เคยใช้กับการลงทุนใน Chevron เพื่อป้องกันนักลงทุนรายอื่นแห่ซื้อตามก่อนที่เบิร์กเชียร์จะสะสมหุ้นได้ครบตามเป้า
เบิร์กเชียร์ยังคงเป็นผู้ขายสุทธิในตลาดหุ้นเป็นไตรมาสที่ 10 ติดต่อกัน โดยในช่วงเดือนม.ค.ถึงมี.ค. ได้ขายหุ้นมูลค่า 4.68 พันล้านดอลลาร์ และซื้อหุ้นมูลค่า 3.18 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ ณ สิ้นสุดไตรมาส บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดสูงถึง 3.477 แสนล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ เบิร์กเชียร์ยังคงถือครองหุ้น Apple เป็นสัดส่วนใหญ่ที่สุดในพอร์ต โดยมีจำนวน 300 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 6.66 หมื่นล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ เบิร์กเชียร์ยังคงทยอยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัทการค้า (Trading Houses) ของญี่ปุ่น 5 แห่งอย่างต่อเนื่อง
ในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีของเบิร์กเชียร์เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา บัฟเฟตต์ได้กล่าวถึงประเด็นที่บริษัทมีเงินสดสำรองจำนวนมหาศาล โดยมองว่าไม่ใช่เรื่องน่ากังวล เพราะการลงทุนที่ดีไม่ได้มีอยู่ตลอดเวลา และย้ำว่า “เราทำเงินได้มากมายจากการที่เราไม่จำเป็นต้องลงทุนเต็มพอร์ตอยู่ตลอดเวลา”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 พ.ค. 68)
Tags: วอร์เรน บัฟเฟตต์, เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์