สหรัฐถูกลดเครดิตดันต้นทุนการเงินพุ่ง-ดอลล์อ่อน มอง G-Token เป็นพันธบัตรรบ.ในรูปโทเคนไม่ใช่คริปโทฯ

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่าสหรัฐอเมริกาถูกปรับลดอันดับเครดิตจากระดับสูงสุด Aaa ลงมาที่ Aa1 โดย มูดี้ส์ คาดว่าต้นทุนทางการเงินและการกู้เงินของสหรัฐอเมริกาทั้งรัฐและเอกชนจะเพิ่มมากขึ้น และอันดับเครดิตและความน่าเชื่อถือจะยังไม่ดีขึ้นในอนาคตอันใกล้เนื่องจากสหรัฐอเมริกาต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะที่มีจำนวนมหาศาลและการทำงบประมาณขาดดุลจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง

การขาดดุลงบประมาณจำนวนมากเป็นผลมาจากมาตรการการลดหย่อนภาษีให้ภาคธุรกิจและนักลงทุนของรัฐบาลทรัมป์ มีการคาดการณ์ว่า หากไม่มีการปฏิรูปภาคการคลังและการบริหารหนี้สาธารณะให้ดี สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีของสหรัฐฯอาจขึ้นแตะระดับ 135% ภายใน 10 ปีข้างหน้า

หนี้สาธารณะในระดับดังกล่าวจะทำให้ “พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ” และ “เงินดอลลาร์”สูญเสียความน่าเชื่อถือลงได้ สิ่งนี้จะทำให้ เงินดอลลาร์อ่อนค่าอย่างต่อเนื่องในระยะยาว บทบาทในฐานะของเงินสกุลหลักของระบบการเงินโลกอาจเปลี่ยนแปลงไปจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลสหรัฐฯต้องเร่งปฏิรูประบบการคลังแก้ปัญหาการขาดดุลงบประมาณและการก่อหนี้มากเกินไปให้ได้

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า G-Token เป็นทางเลือกการกู้เงินภาครัฐและการลงทุนของประชาชนแต่ไม่ใช่เงิน ไม่ได้สร้างปริมาณเงินขึ้นมาใหม่ จึงไม่น่าจะผิด พรบ เงินตรา เป็นเพียงพันธบัตรรัฐบาลในรูปโทเคนดิจิทัล G-Token เป็นการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการบริหารการคลัง เป็นเครื่องมือในการระดมทุน กู้เงินของรัฐบาล เพื่อให้คนรุ่นใหม่ที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีสามารถลงทุนและออมเงินผ่านเครื่องมือดังกล่าวได้ G-Token จึงไม่ใช่ เงินตรา (Currency) หรือ ไม่ใช่ Cryptocurrency  สินทรัพย์ทางการเงินเพื่อการลงทุนหรือการเก็งกำไร ขณะเดียวกันก็ต่างจาก Utility Token ที่ให้สิทธิผู้ถือในการได้รับบริการหรือสิทธิอื่นที่เฉพาะเจาะจง การออกพันธบัตรในรูปโทเคนดิจิทัล จะช่วยลดต้นทุนการระดมทุนในระยะยาว เพิ่มสภาพคล่องในตลาดรอง สามารถลงทุนขั้นต่ำเท่าไหร่ก็ได้ มีความโปร่งใสมากขึ้นในการทำธุรกรรมต่างๆ โดยกระทรวงการคลังต้องเตรียมเงินสำหรับจ่ายเงินต้นดอกเบี้ยไว้เต็มจำนวน เป็น Fully backed นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องระมัดระวัง คือต้องตรวจสอบให้รอบคอบว่ากฎหมายที่เกี่ยวข้องเปิดช่องให้ทำได้มากน้อยแค่ไหน และควรเร่งแก้ไขกฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ปี พ.ศ. 2535 ที่จะรองรับธุรกรรมทางอิเลคทรอนิกส์ที่ครอบคลุมมากกว่าเดิมไปพร้อมกัน นอกจากนี้ระบบและกระบวนการในการออกและทำธุรกรรม G-Token ต้องมีความมั่นคงปลอดภัยและมีเสถียรภาพเช่นเดียวกับพันธบัตรรัฐบาลที่เป็นเอกสาร (Physical Certificate)

นอกจากนี้ G-Token เป็น นวัตกรรมทางการเงิน เป็นของใหม่ อาจเกิดความเสี่ยงของสภาพคล่องในตลาดรองได้ หากไม่มีการซื้อขายมากพอเนื่องจากเป็นของใหม่ นักลงทุนอาจไม่คุ้นเคย ฉะนั้นรัฐบาลควรมีมาตรการและกลไกในการเสริมสภาพคล่องเพื่อรองรับความเสี่ยงนี้ด้วยในโครงการนำร่องระยะแรก

นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีแนวโน้มของการทำให้เกิด Tokenization ในหลายประเทศ ผลของ การทำ Tokenization ที่มีต่อระบบเศรษฐกิจ ระบบการเงินเป็นเรื่องที่ต้องมีการศึกษาวิจัยอย่างละเอียดว่าเราควรจะมีแนวทาง Tokenization อย่างไร พัฒนาการนี้ย่อมจะเกิดขึ้นเมื่อระบบเศรษฐกิจมีการเคลื่อนตัวสู่การเป็นเศรษฐกิจดิจิทัลมากขึ้นตามลำดับ

เศรษฐกิจดิจิทัลเองก็มีทั้งโอกาสความเสี่ยงและความวิตกกังวลในอนาคตที่มีพลวัตสูงและเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนกระทั่งมีผลต่อการปรับตัวของกิจการ มีผลต่อระบบการเงิน และระบบการลงทุน การดำเนินชีวิตและพฤติกรรมผู้บริโภค การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมและเศรษฐกิจแบบดิจิทัลทำให้เกิดการสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลของบุคคลจำนวนหนึ่งที่สามารถใช้ประโยชน์จากสภาวะดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสร้างแพลตฟอร์มและระบบนิเวศที่เอื้อต่อการทำธุรกรรม การดำเนินชีวิต การประกอบธุรกิจ การลงทุนต่างๆโดยไม่ถูกจำกัดโดยพรมแดนของรัฐชาติไม่ถูกจำกัดโดยข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์และสามารถเสนอบริการหรือผลิตสินค้าข้ามกิจการอุตสาหกรรมต่าได้ ทำให้เกิดประสบการณ์ใหม่ๆ ทำให้เกิดโมเดลทางธุรกิจใหม่ๆ นโยบายและการบริหารจัดการอย่างไรในเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำกันอย่างเอาจริงเอาจัง การ Tokenized

Economy จะต้องมีกระบวนการแปลงสินทรัพย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโปรดักต์ทางการเงิน เช่น หุ้น พันธบัตร หุ้นกู้ รวมถึงสินทรัพย์การลงทุนอย่างเช่นอสังหาริมทรัพย์  โครงสร้างพื้นฐานต่างๆให้สามารถครอบครองความเป็นเจ้าของผ่านโทเคนดิจิทัลและสามารถที่จะซื้อขายหรือโอนให้กันผ่านบล็อกเชนได้

การดำเนินการดังกล่าวจะช่วยลดต้นทุนในการทำธุรกรรมทางการเงินและเศรษฐกิจลงอย่างมาก การทำธุรกรรมหลายอย่างไม่ต้องผ่านคนกลาง โดยเฉพาะต้นทุนการทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศจะลดลงมากที่สุด มีการประเมินว่า Generative AI จะเข้ามามีบทบาทในระบบการลงทุน ตลาดการลงทุนและตลาดการเงินมากขึ้นจะเกิดผลงานสร้างสรรค์ขึ้นมากมายจาก Generative AI ผลงานจำนวนไม่น้อยที่สร้างสรรค์โดย Generative AI ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยแรงงานมนุษย์ หรือ หากใช้แรงงานมนุษย์ต้องใช้เวลานานมาก

มีการประเมินเบื้องต้นว่า GEN AI สามารถเพิ่ม GDP ทั่วโลกได้ 7% (เกือบ 7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ) และเพิ่มผลผลิตเพิ่มขึ้น 1.5 เปอร์เซ็นต์ในช่วงระยะเวลา 10 ปี อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้านี้อาจส่งผลกระทบต่อตลาดการจ้างงานด้วยโดยประมาณสองในสามของอาชีพในสหรัฐอเมริกาต้องเผชิญกับการทำงานอัตโนมัติในระดับหนึ่งโดย AI แม้ว่าระบบอัตโนมัติอาจแทนที่ภาระงานบางส่วนในบางอาชีพ แต่แนวโน้มในอดีตบ่งชี้ว่างานใหม่มักจะถูกสร้างขึ้น ซึ่งชดเชยผลกระทบได้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ค. 68)

Tags: , , ,
Back to Top