ไทยบริดจสโตนยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืน ขับเคลื่อนความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593

กลุ่มบริษัทในเครือไทยบริดจสโตน ได้แก่ บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด (โรงงานหนองแค และศูนย์ยางหล่อดอก บริดจสโตน-บันแดก) บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท บริดจสโตน เอ.ซี.ที (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้ายกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืน ด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิต (ขอบเขตที่ 1 และ 2)*1 ครอบคลุมห่วงโซ่คุณค่า (ขอบเขตที่ 3) *2 ผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการใช้พลังงานหมุนเวียน

นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯยังได้ส่งเสริมแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนทั่วทั้งองค์กร ควบคู่กับการสร้างสรรค์และพัฒนาคุณภาพความพรีเมียมสู่ผลิตภัณฑ์ บริการ และโซลูชั่นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้พร้อมตอบรับสังคมการเดินทางยุคใหม่ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตการเดินทางให้สังคมไทย นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการมุ่งบรรลุวิสัยทัศน์ระยะยาวด้านสิ่งแวดล้อมของบริดจสโตนด้วยการสนับสนุนและขับเคลื่อนให้เกิดความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี พ.ศ. 2593 และสอดรับกับนโยบายสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนทางธุรกิจของบริดจสโตน

คุณอะกิฮิโตะ อิชิอิ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด และบริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวโดยรวมว่า “กลุ่มบริษัทในเครือไทยบริดจสโตนมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Decarbonization) นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป เราได้ปรับเปลี่ยนชนิดของแหล่งพลังงานและเชื้อเพลิงด้วยการเพิ่มสัดส่วนการไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน รวมถึงการลงทุนปรับเปลี่ยนและติดตั้งอุปกรณ์ที่ช่วยอนุรักษ์พลังงาน เช่น การขยายการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อใช้ในกระบวนการผลิตยางรถยนต์ การใช้ระบบแสงสว่างแบบ LED อัจฉริยะ (Smart LED Lighting) และการดำเนินโครงการ Energy Efficiency Project เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการใช้พลังงานด้วยความแม่นยำสูง นอกจากนี้ยังสร้างเครือข่ายร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจในการพัฒนาโซลูชั่นเพื่อลดและชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น การเข้าร่วมเวิร์กชอปนวัตกรรมคาร์บอนเครดิต การทดลองใช้พลังงานทดแทนรุ่นใหม่สำหรับอุปกรณ์และยานพาหนะไฟฟ้า (EV Fleet Integration) ตลอดจนศึกษาแนวทางการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น IoT และ AI เพื่อบริหารจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใสในอนาคต เป็นต้น”

นอกจากนี้เรายังตระหนักถึงความสำคัญของการส่งเสริมและกระตุ้นให้พนักงานทุกระดับภายในองค์กรมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น การเข้าร่วมกิจกรรมวันความยั่งยืนของบริดจสโตนซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 22 เมษายน ของทุกๆ ปี โดยในปีนี้เน้นย้ำและให้ความสำคัญเรื่องการประยุกต์ใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน ตลอดจนความสำคัญของพลังงานยั่งยืนที่จะส่งผลต่ออนาคตของโลก มนุษยชาติ สิ่งแวดล้อม ธุรกิจ และการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนทั่วโลกด้วย รวมถึงการพาพนักงานไปศึกษาดูงานจากกองค์กรชั้นนำด้านการจัดการพลังงานเพื่อส่งเสริมความเข้าใจและนำแนวทางมาประยุกต์ใช้ในองค์กร เป็นต้น เพราะเราเชื่อมั่นว่าพนักงานนอกจากจะเป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลให้องค์กรมีความยั่งยืนระยะยาวแล้วยังมีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสังคมและประเทศ” คุณอะกิฮิโตะ อิชิอิ กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ การได้รับประกาศนียบัตรรับรองด้าน “คาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร” (Carbon Footprint for Organization: CFO) ประจำปี พ.ศ. 2567 จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) ซึ่งครอบคลุมการดำเนินงานขององค์กรภายใต้กลุ่มบริษัทในเครือไทยบริดจสโตน และยังครอบคลุมทั้งห่วงโซ่คุณค่าตั้งแต่กระบวนการผลิต การจัดจำหน่าย ศูนย์บริการ ตลอดจนการนำโครงยางเข้าสู่กระบวนการหล่อดอก สะท้อนถึงการตระหนักและใส่ใจในทุกกระบวนการทั้งในส่วนของการใช้เชื้อเพลิง การใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงการควบคุมการรั่วไหลของสารที่ส่งผลต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นตลอดการดำเนินธุรกิจในปี พ.ศ. 2566 ตามข้อกำหนดของ TGO

*1 เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากขอบเขตที่ 1 และ 2 คือ ลดการปล่อยได้ 50% ภายในปี พ.ศ. 2573 เมื่อเปรียบเทียบกับปีฐาน (ปี พ.ศ. 2554) และบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี พ.ศ. 2593 เมื่อเทียบกับปีฐาน (ปี พ.ศ. 2554)

*2 เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากขอบเขตที่ 3 คือ ภายในปี พ.ศ. 2573 ลดปริมาณการปล่อยลงให้ได้มากกว่า 5 เท่าของปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 1 และ 2 ที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2563

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 พ.ค. 68)

Tags: ,
Back to Top