โตโยต้าทำยอดขายทั่วโลกเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 10% แต่กังวลภาษีทรัมป์ฉุดกำไรปี 68

บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป (Toyota Motor Corp.) เปิดเผยในวันนี้ (29 พ.ค.) ว่า ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกของโตโยต้าปรับตัวขึ้น 10% ในเดือนเม.ย. แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 876,864 คัน ส่วนการผลิตรถยนต์ทั่วโลกในเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 7.8% แตะระดับ 814,787 คัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน

ยอดขายรถยนต์ของโตโยต้าได้รับปัจจัยหนุนจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นก่อนที่บริษัทจะได้รับผลกระทบเชิงลบจากการที่สหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีรถยนต์นำเข้า โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติม 25% สำหรับรถยนต์ที่ผลิตนอกประเทศสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า แม้โตโยต้าระบุทางบริษัทจะไม่ผลักภาระต้นทุนภาษีศุลกากรไปให้กับผู้บริโภคในสหรัฐฯ แต่นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมยานยนต์กล่าวว่า โตโยต้าอาจจะอยู่ภายใต้แรงกดดันให้ต้องทำเช่นนั้น หากอัตราภาษีที่สูงขึ้นยังคงอยู่เป็นระยะเวลานาน

นอกจากนี้ โตโยต้าเปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์นอกประเทศญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 9.7% สู่ระดับ 756,190 คัน โดยในจำนวนนี้มีรถยนต์ 233,045 คันที่ขายได้ในสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบรายปี

ส่วนยอดขายภายในประเทศเพิ่มขึ้น 11.8% สู่ระดับ 120,674 คัน ซึ่งฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่ซบเซาลงอันเนื่องมาจากข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับการโกงผลทดสอบคุณภาพรถยนต์ในญี่ปุ่น ซึ่งทำให้บริษัทต้องระงับการผลิตรถยนต์บางรุ่นชั่วคราวเมื่อปีที่แล้ว นอกจากนี้ การฟื้นตัวของยอดขายในประเทศยังได้รับแรงหนุนจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่

สำหรับตลอดปีงบการเงิน 2568 ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมี.ค.นั้น โตโยต้าคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิจะลดลง 34.9% สู่ระดับ 3.1 ล้านล้านเยน (2.1 หมื่นล้านดอลลาร์) เนื่องจากผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรของของปธน.ทรัมป์ และเงินเยนที่แข็งค่าซึ่งจะทำให้กำไรในต่างประเทศของผู้ส่งออกลดลงเมื่อแปลงเป็นสกุลเงินเยน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 พ.ค. 68)

Tags: ,
Back to Top