
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (4 มิ.ย.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะอุปทานเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นในสหรัฐฯ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติเพิ่มกำลังการผลิต รวมทั้งความกังวลว่าสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มอุปสงค์พลังงาน
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 56 เซนต์ หรือ 0.88% ปิดที่ 62.85 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 77 เซนต์ หรือ 1.17% ปิดที่ 64.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันปรับตัวลง หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 5.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล พุ่งขึ้น 4.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ดี สต็อกน้ำมันดิบลดลง 4.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 2.9 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการที่กลุ่มโอเปกพลัสมีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 411,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.ค. ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด
โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) คาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปกพลัสมีแนวโน้มที่จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนส.ค.อีก 410,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งน่าจะเป็นการปรับเพิ่มครั้งสุดท้ายในรอบนี้ก่อนจะตรึงระดับการผลิตไว้ตั้งแต่เดือนก.ย.เป็นต้นไป
นอกจากนี้ นักลงทุนกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมันทั่วโลก โดยองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2568 เหลือเพียง 2.9% จากเดิมที่ระดับ 3.1% โดยมีสาเหตุจากการประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์
นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และจีน ขณะที่ล่าสุด ปธน.ทรัมป์กล่าวว่าการเจรจากับปธน.สี จิ้นผิงของจีนเป็นเรื่องที่ยากลำบาก เนื่องจากปธน.สีเป็นผู้นำที่แข็งกร้าวและต่อรองได้ยาก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 มิ.ย. 68)
Tags: WTI, น้ำมัน WTI, ราคาน้ำมัน