AWC ทุ่ม 5 พันลบ.ผุดโรงแรมหรู The Ritz-Calrton บนพื้นที่ล้ง 1919-ทรงวาด จ่อเปิดปี 71

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป [AWC] เปิดเผยถึงการพัฒนาโครงการ The Ritz-Calrton Bangkok, The Riverside บริเวณพื้นที่ Lhong 1919 ถนนเชียงใหม่ เขตคลองสาน และพื้นที่ทรงวาด ภายใต้คอนเซปต์ “The Integrated Wellness Destination” เจาะกลุ่มลูกค้าคุณภาพ โดยใช้งบลงทุนรวมทั้งโครงการประมาณ 5,000 ล้านบาท คาดเปิดให้บริการภายในปี 2571

ทั้งนี้ The Ritz-Calrton Bangkok, The Riverside ตั้งอยู่บนพื้นที่ 3 แปลง ได้แก่ถนนเชียงใหม่ หรือพื้นที่ล้ง 1919 ประมาณ 8 ไร่ 168 ห้องพัก เป็น integrated wellness suite โดยเรทราคาห้องพักคาดว่าจะสูงกว่าโรงแรมฝั่งในเมือง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพ และมีห้องจัดงานขนาด 425 ตารางเมตร ซึ่งจะยังคงอนุรักษ์โครงสร้างตึกเดิมที่แสดงออกถึงความเป็นชุมชนชาวไทย-จีน และอีก 2 พื้นที่บริเวณทรงวาด ประมาณ 3 ไร่ เป็นโรงแรมที่มีความ Exclusive 24 ห้องพัก และอีกพื้นที่ เตรียมทำ Convention Hall 420 ตารางเมตร ซึ่งพื้นที่ทั้ง 3 แปลงอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา และมีเรือรับส่งให้บริการเพื่อเชื่อมประสบการณ์การเดินทางทางสายน้ำให้กับนักท่องเที่ยว

ขณะที่สถานการณ์ภาคการท่องเที่ยวปัจจุบัน แม้นักท่องเที่ยวจีนลดลง แต่ภาพรวมมีสัดส่วนนักท่องเที่ยวจีนเพียง 10% ของรายได้รวม และบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวประเทศอื่น ๆ ที่ยังเติบโตเข้ามาชดเชย สะท้อนจากโครงการเอเชียทีค ที่ในอดีตมีสัดส่วนกลุ่มลูกค้าจีนประมาณ 70% แต่ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวผสมผสานจากกลุ่มประเทศอื่น ๆ จากการปรับกลยุทธ์ ประกอบกับการเปิดโครงการ Jurassic World: The Experience ทำให้มีผู้เช่ากลุ่มอื่นๆ เข้ามาเสริม โดยยังเห็นโมเมนตัมการเติบโตที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้คาดว่าโครงการ Jurassic World จะหนุนให้มีผู้ใช้บริการราว 30,000 คนต่อวัน

ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนมีการกระจายไปท่องเที่ยวประเทศอื่น ๆ และยังไม่มีสัญญาณว่าจะกลับมาคึกคักเต็มที่ โดยภาพรวมของอุตสาหกรรมนักท่องเที่ยวจีนค่อนข้างลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/68 แต่ยังเห็นนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นเดินทางเข้ามาอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งบริษัทมีกลยุทธ์ในการดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพ ซึ่งมียอดใช้จ่ายต่อคนค่อนข้างสูง ผ่านเครือข่ายที่มีอยู่ทั่วโลก ทำให้มีนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ มาเพิ่ม

นอกจากนี้หลังจากการเปิดโรงแรม มีเลีย พัทยา ไป เริ่มเห็นดีมานด์ที่แข็งแกร่งจากนักท่องเที่ยวในประเทศไทย และเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่ม Mix และบริษัทเตรียมเปิดโรงแรม พัทยา แมริออท รีสอร์ต แอนด์ สปา ในวันที่ 20 มิ.ย. นี้ ก็ยังเห็นโมเมนตัมที่ดี จากจุดขายที่เป็นไฮไลท์ดึงบรรยากาศนักท่องเที่ยวทั่วไปกลับมา

อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางเพื่อประชุมสัมมนายังได้รับผลกระทบจากความเชื่อมั่นหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว ทำให้ยอดจองใหม่ของกลุ่มดังกล่าวช้าลง ซึ่งบริษัทก็กำลังเร่งยอดจองใหม่ร่วมกับพันธมิตรทั่วโลก โดยทิศทางไตรมาส 2/68 ซึ่งเป็นช่วง Low season ของบริษัท ปัจจุบันจึงยังอยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์และเทียบกับปีก่อน ๆ

นางวัลลภา กล่าวว่า การลงเสาเอกโรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน แบงค็อก เดอะ ริเวอร์ไซด์ ถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ AWC ในการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างคุณค่าในระยะยาวผ่านการพัฒนาโครงการคุณภาพ เพื่อสร้างประสบการณ์พิเศษด้านการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่พลิกโฉมการพักผ่อนในเมืองให้เป็นรีสอร์ตระดับโลกใจกลางกรุงเทพฯ พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวยั่งยืน

“การพัฒนาโครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นการอนุรักษ์มรดกไทย-จีนอันล้ำค่าของเดอะ ล้ง 1919 ริเวอร์ไซด์ เฮอริเทจ เดสติเนชั่น และศาลเจ้าแม่หม่าโจ้วเท่านั้น แต่ยังสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของภาครัฐในการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยผ่านการสร้างแลนด์มาร์กด้านไลฟ์สไตล์ระดับโลก เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพจากทั่วโลกมาสู่ประเทศไทย”

นอกจากนี้ โครงการยังเชื่อมต่อเส้นทางการเดินทางผ่านโครงการ AWC River Journey Project ที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำที่เชื่อมโยงแลนด์มาร์กทางวัฒนธรรมริมสายน้ำเจ้าพระยา อาทิ ถนนทรงวาด เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ปากคลองตลาด และโครงการในอนาคตอย่างเวิ้งนครเกษม เยาวราช เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในย่านไทย-จีนของกรุงเทพฯ อย่างยั่งยืน

“แมริออท อินเตอร์เนชันแนล เชื่อว่าการบริการระดับลักชัวรีอยู่ที่การให้คุณค่ากับมรดกทางวัฒนธรรมควบคู่ไปกับการนำนวัตกรรมมาปรับใช้อย่างสมดุล ซึ่งความร่วมมือของเรากับ AWC ในการพัฒนา โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน แบงค็อก เดอะ ริเวอร์ไซด์ ถือเป็นตัวอย่างที่สะท้อนแนวคิดนี้ได้อย่างชัดเจน”

นายแบรด เอ็ดแมน รองประธานกรรมการประจำประเทศไทย กัมพูชา และเมียนมา แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าว “การพลิกโฉม เดอะ ล้ง 1919 ริเวอร์ไซด์ เฮอริเทจ เดสติเนชั่น ซึ่งเป็นแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า ให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกด้านสุขภาพและวัฒนธรรม ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์มรดกไทย-จีน พร้อมการเสริมสร้างบทบาทของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางชั้นนำระดับโลก โครงการนี้ถือเป็นแบบอย่างของการท่องเที่ยวยั่งยืนที่ผสานการอนุรักษ์วัฒนธรรม การมีส่วนร่วมของชุมชน และมาตรฐานการบริการระดับสากลเข้าไว้ด้วยกันเพื่อสร้างประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์ให้แก่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก”

เดอะ ล้ง 1919 ริเวอร์ไซด์ เฮอริเทจ เดสติเนชั่น เคยเป็นท่าเรือกลไฟและศูนย์กลางการค้าขายทางทะเลของกรุงเทพฯ ในอดีต ทั้งยังเป็นหนึ่งในท่าเรือโบราณที่สะท้อนภูมิปัญญาและงานฝีมือของช่างชาวจีนเพียงไม่กี่แห่งที่ยังหลงเหลืออยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบัน เดอะ ล้ง 1919 ริเวอร์ไซด์ เฮอริเทจ เดสติเนชั่น ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ และยังคงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางจิตวิญญาณ โดยเป็นที่ประดิษฐานของศาลเจ้าแม่หม่าโจ้ว อันเป็นศูนย์รวมความศรัทธาที่ผู้คนเคารพบูชาสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน

ด้วยความเคารพอย่างลึกซึ้งต่อมรดกทางวัฒนธรรม AWC มุ่งมั่นที่จะอนุรักษ์ประวัติศาสตร์ของ “ฮวยจุ่งล้ง” (เดอะ ล้ง 1919 ริเวอร์ไซด์ เฮอริเทจ เดสติเนชั่น) สถาปัตยกรรมรูปแบบท่าเรือกลไฟประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นตัวแทนของความรุ่งโรจน์ด้านนาวีพาณิชย์ของสยามในศตวรรษที่ 19-20 โดยดำเนินการบูรณะภายใต้การให้คำปรึกษาของ รองศาสตราจารย์พีรยา บุญประสงค์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมจากมหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมกับกรมศิลปากร และพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการออกแบบ ได้แก่ บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด (A49) และ อะแดปทีฟ ดีไซน์ แอนด์ ดอค จำกัด

โครงการนี้ยึดแนวทางการอนุรักษ์ตามมาตรฐานสากล ที่ให้ความสำคัญกับแก่นแท้ตามหลักสถาปัตยกรรม ความสมบูรณ์ทางโครงสร้าง และคุณค่าทางวัฒนธรรมอย่างเหมาะสม โดยใช้เทคนิคการก่อสร้างที่ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนเพื่อปกป้องโครงสร้างอาคารและชุมชนใกล้เคียง ในขณะที่เทคนิคการก่อสร้างแบบดั้งเดิมกับการเลือกใช้วัสดุที่ใกล้เคียงกับของเดิมจะถูกนำมาใช้เพื่อบูรณะความสมบูรณ์ของสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์นี้ เพื่อให้แน่ใจว่าความงามและมรดกทางวัฒนธรรมของ “ฮวยจุ่งล้ง” จะได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี

โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน แบงค็อก เดอะ ริเวอร์ไซด์ ได้รับแรงบันดาลใจด้านการออกแบบจากปรัชญาหยินหยาง ซึ่งมุ่งสร้างสมดุลระหว่างพลังงานที่สงบกับจิตวิญญาณที่เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา เพื่อเป็นสถานที่แห่งการพักผ่อนอันสงบร่มเย็น ผสานศาสตร์แห่งการดูแลสุขภาพและมรดกวัฒนธรรมที่มาบรรจบกันได้อย่างลงตัวบนพื้นที่สองฟากฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา โดยผสมผสานงานสถาปัตยกรรมในศตวรรษที่ 19 เข้ากับศูนย์สุขภาพแบบองค์รวมสมัยใหม่ โดยอาคารหลักสูง 20 ชั้นประกอบไปด้วยห้องพักระดับลักชัวรี ห้องอาหารรูฟท็อปพร้อมวิวแบบพาโนรามา ห้องบอลรูมขนาดใหญ่ และห้องอาหารอีกหลากหลายแห่ง

ขณะที่อาคารเก่าแก่สองหลังจะได้รับการบูรณะเป็นห้องพักเพิ่มเติม พร้อมห้องอาหาร และศูนย์สุขภาพขนาดใหญ่ รวมห้องพักทั้งหมด 168 ห้อง ในขณะที่อีกฟากฝั่งของแม่น้ำอาคาร Shophouse ฝั่งทรงวาดจะได้รับการพัฒนาเป็นห้องพักที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน เพื่อมอบประสบการณ์พักผ่อนท่ามกลางบรรยากาศวัฒนธรรมไทย-จีนริมฝั่งเจ้าพระยาอย่างแท้จริง ทำให้โครงการมีห้องพักรวมทั้งหมด 192 ห้อง ทั้งสองพื้นที่จะเชื่อมต่อถึงกันด้วยบริการเรือไฟฟ้าเพื่อการเดินทางที่สะดวกและไร้รอยต่อ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 มิ.ย. 68)

Tags: , , ,
Back to Top