HILITE: M ลบ 1.96% โบรกฯ ปรับลดกำไรปี 68-70 รับพิษกำลังซื้อหดตัว-โปรฯบุฟเฟ่ต์กดกำไร

M ราคาปรับลง 1.96% มาที่ 15.00 บาท หรือลดลง 0.30 บาท มูลค่าซื้อขาย 12.00 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.55 น. จากราคาเปิด 15.20 บาท ราคาต่ำสุด 14.90 บาท ราคาสูงสุด 15.30 บาท

บล.กรุงศรี ปรับลดราคาเป้าหมายของหุ้นบมจ.เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป [M]เหลือ 16 บาท จากเดิม 20 บาท และคงคำแนะนำ “ถือ” ตามการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2568-2569 ลง 33-35% จากกำไรในไตรมาส 1/68 ที่ต่ำ กว่าคาด แนวโน้มกำลังซื้อซบเซา และการแข่งขันในตลาด โดยคาดกำไรไตรมาส 2/68 ยังอ่อนแอชะลอต่อเนื่องตาม SSSG ที่ติดลบหนักถึง -13% yoy

ทั้งนี้ เราคาดกำไรปี 2568 จะลดลง -45% yoy และทำได้เพียงรักษาระดับกำไรในปี 2569-2570 เท่านั้น แม้บริษัทจะออกโปรโมชั่นต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นทราฟฟิก แต่เรามองเป็นเพียงกลยุทธ์รักษารายได้และกระแสเงินสด ไม่ใช่ตัวเร่งการเติบโต เราจึงมองว่า upside ต่อผลประกอบการยังจำกัด

อย่างไรก็ตาม เราให้น้ำหนัก M ในฐานะหุ้นปันผลจากสถานะการเงินแข็งแกร่งด้วยเงินสดในมือกว่า 40% ของ market cap และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 10% หลังราคาหุ้นปรับตัวลงถึง 34% YTD เรามองว่าความเสี่ยงได้สะท้อนในราคาหุ้นไปมากแล้ว แต่อาจต้องรอการฟื้นตัวของรายได้อย่างชัดเจนก่อนจึงจะกลับมา re-rate ได้อีกครั้ง

ตลาดเริ่มมีความกังวลว่าอาจเกิดการแข่งขันด้านราคาภายในตลาดสุกี้ หลังจาก MK Restaurants ออกโปรโมชั่น

“อิ่มไม่อั้น” ในราคา 299 บาทสุทธิต่อคน สำหรับ 19 เมนู ระหว่างวันที่ 9–30 มิ.ย.2568 ที่สาขาโลตัส บิ๊กซี รวม 254 สาขาทั่วประเทศ ขณะที่สุกี้ตี๋น้อย ซึ่งเป็นผู้นำตลาดสุกี้บุฟเฟต์ ก็มีการปรับลดราคาช่วงกลางวัน (11.00–17.00 น. วันธรรมดา) เหลือ 199 บาท (หรือ 254 บาทสุทธิ) ในช่วงเวลาเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม เรามองว่าสิ่งนี้ยังไม่ใช่ “การแข่งขันด้านราคา” อย่างแท้จริง เนื่องจากเรามองว่าการลดราคาของสุกี้ตี๋น้อยเพียง 21 บาทจากราคาปกติ (276 บาทสุทธิ) เป็นเพียงกลยุทธ์ส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นยอดในช่วงเวลาที่ลูกค้าน้อย เช่นเดียวกับ MK ที่ใช้โปรโมชั่นเพื่อเพิ่มทราฟฟิกหน้าร้านและกระแสเงินสด เรามองว่านี่เป็นการปรับตัวของแต่ละบริษัทท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และคาดยังไม่นำไปสู่สงครามราคา

ทั้งนี้ ราคาบุฟเฟต์สุกี้ในตลาดยังอยู่ในช่วง 276–299 บาทสุทธิต่อคน สำหรับแบรนด์หลักอย่างสุกี้ตี๋น้อย, MK Restaurantsและ Lucky Suki

เรามีมุมมองเป็นบวกต่อกลยุทธ์ใหม่ของบริษัทในการออกโปรโมชั่นที่เน้นความคุ้มค่า เพื่อกระตุ้นทราฟฟิกหน้าร้านท่ามกลางยอดขายที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง (SSSG -10% ในไตรมาส 1/68 และคาด -15% ในไตรมาส 2/68) อย่างไรก็ตาม เรามองว่าจำนวนลูกค้าที่หันมาเลือกโปรโมชั่นบุฟเฟต์ซึ่งมีมูลค่าต่อบิลต่ำกว่า Alacarte อาจกดดันยอดขายรวมไม่ให้เพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย และยังส่งผลลบต่ออัตรากำไร เนื่องจากบุฟเฟต์มี GPM ต่ำกว่า (คู่แข่งอยู่ที่ 45–53% เทียบกับ M ที่ 66.5%) เรามองว่าหากบริษัทต้องการจับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-ล่างในระยะยาวควรแยกแบรนด์ใหม่และเลือกทำเลเฉพาะเพื่อไม่กระทบฐานลูกค้าเดิมของ MK ซึ่งเรามองว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญและดึงลูกค้าได้มากกว่า

เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2568-2570 ลง 33–35% เหลือเพียง 799 ล้านบาทในปี 2568(-45% yoy) และ คาดเพียงทรงตัวที่ 804–823 ล้านบาทในปี 2569-2570 จาก: i) กำไรไตรมาส 1/68  ที่ต่ำกว่าคาด และแนวโน้ม SSSG ที่ลบมากกว่าคาด โดยเราคาดที่ -14% ในปี 2568 ii) มาร์จิ้นที่ลดลงจากโปรโมชั่น โดยคาด GPM ลดลงเหลือ 66% (จาก 67.4% ในปี 2567 และ 66.5% ในไตรมาส 1/68) และ SG&A/sales 60.9% (จาก 58.4% ใน 2567 และ 60.6% ในไตรมาส 1/68) ตามรายได้ที่ลดลงและค่าใช้จ่ายส่งเสริมการขายที่เพิ่มขึ้น ขณะที่โครงสร้างต้นทุนส่วนใหญ่กว่า 70% เป็นต้นทุนคงที่

ดังนั้น ตามการปรับลดประมาณการผลประกอบการ ราคาเป้าหมายใหม่ของเราลดลงมาอยู่ที่ 16 บาท จากเดิม 20 บาท อิงจาก DCF โดยยังคงคำแนะนำ “ถือ” เนื่องจากยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของกำไร

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 มิ.ย. 68)

Tags: , ,
Back to Top