
เมื่อวานนี้ (16 มิ.ย.) ผู้พิพากษาศาลกลางในเมืองบอสตันของสหรัฐฯ ได้ตัดสินว่า การที่รัฐบาลของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ตัดงบประมาณสนับสนุนงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย และยังกล่าวหาว่ารัฐบาลมีการเลือกปฏิบัติต่อชนกลุ่มน้อย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลัง NIH ได้ยกเลิกเงินทุนสนับสนุนงานวิจัยไปแล้วกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยให้เหตุผลว่าเกี่ยวข้องกับโครงการริเริ่มด้านความหลากหลาย ความเสมอภาค และการไม่แบ่งแยก (DEI) แต่ผู้พิพากษา วิลเลียม ยัง ได้แถลงในการพิจารณาคดีโดยไม่มีคณะลูกขุนว่า การกระทำดังกล่าวละเมิดกฎหมายของรัฐบาลกลาง จึงถือว่า “โมฆะและผิดกฎหมาย”
ทั้งนี้ ผู้พิพากษา วิลเลียม ยัง เป็นผู้พิพากษาศาลกลางที่ได้รับการเสนอชื่อโดยอดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน จากพรรครีพับลิกัน โดยกล่าวว่า เขาจะสั่งให้คืนเงินทุนให้กับองค์กรและรัฐที่ได้ยื่นฟ้องร้องจากการถูกยกเลิกทุนดังกล่าว
นอกจากนี้ ผู้พิพากษารายนี้ยังได้วิพากษ์วิจารณ์การยกเลิกเงินทุนสำหรับงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับชนกลุ่มน้อย โดยระบุว่า “ในชีวิตการทำงานของผม ไม่เคยเห็นการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติที่ชัดเจนโจ่งแจ้งถึงขนาดนี้มาก่อน” และ “การเลือกปฏิบัติใด ๆ โดยรัฐบาลของเรานั้นเป็นสิ่งผิดอย่างร้ายแรง ซึ่งศาลจำเป็นต้องมีคำสั่งระงับ และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ผมจะทำมันเอง”
NIH เป็นองค์กรวิจัยชีวการแพทย์ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากภาครัฐที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยให้ทุนสนับสนุนงานวิจัยประมาณ 60,000 ทุนแก่มหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลเกือบ 3,000 แห่งในแต่ละปี และที่ผ่านมาก็ตกเป็นเป้าหมายสำคัญของรัฐบาลภายใต้การบริหารของทรัมป์ในการลดงบประมาณและค่าใช้จ่าย
นับตั้งแต่ที่ทรัมป์หวนคืนสู่ทำเนียบขาวในเดือนม.ค. NIH ได้ยกเลิกการมอบทุนวิจัยไปแล้ว 2,100 ทุน คิดเป็นประมาณ 9.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังมีสัญญาที่ถูกยกเลิกอีก 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 มิ.ย. 68)