
สายการบินพาณิชย์ทั่วโลกกำลังประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หลังสหรัฐฯ โจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน ส่งผลให้ผู้โดยสารจำนวนมากตกค้าง และเส้นทางการบินในตะวันออกกลางเผชิญความไม่แน่นอน
สายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ออกแถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ (22 มิ.ย.) ระบุว่า สถานการณ์ยังเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมประกาศยกเลิกเที่ยวบินระหว่างสิงคโปร์-ดูไบ ภายหลังจากการประเมินด้านความปลอดภัย
ด้านแอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม เผยในวันเดียวกันว่า ทางสายการบินได้ยกเลิกเที่ยวบินดูไบ-ริยาดในวันอาทิตย์และวันจันทร์ (23 มิ.ย.) ขณะที่สายการบินบริติช แอร์เวย์ ยกเลิกเที่ยวบินดูไบและโดฮาในวันอาทิตย์เช่นกัน และยังอยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์สำหรับการให้บริการเที่ยวบินในวันต่อ ๆ ไป
รายงานระบุว่า เส้นทางบินผ่านตะวันออกกลางมีความสำคัญอย่างมากต่อการบินระหว่างเอเชียและยุโรป หลังน่านฟ้ารัสเซียและยูเครนถูกปิดเนื่องจากการสู้รบ โดยข้อมูลจากไฟลท์เรดาร์24 (FlightRadar24) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ติดตามเที่ยวบินระบุว่า น่านฟ้าเหนืออิหร่าน อิรัก ซีเรีย และอิสราเอล แทบว่างเปล่าในช่วงที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน เซฟ แอร์สเปซ (Safe Airspace) ซึ่งเป็นองค์กรติดตามความปลอดภัยทางการบิน เปิดเผยว่า การโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อสายการบินอเมริกันที่ปฏิบัติการในภูมิภาค โดยก่อนหน้าการโจมตีไม่กี่วัน สายการบินอเมริกัน แอร์ไลนส์ เพิ่งประกาศระงับเที่ยวบินไปกาตาร์ และยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส ระงับเที่ยวบินไปดูไบ
นอกจากประเด็นความปลอดภัยแล้ว หลายสายการบินยังจับตาความผันผวนของราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด เนื่องจากราคาน้ำมันมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นจากเหตุโจมตี ซึ่งจะส่งผลต่อต้นทุนเชื้อเพลิงการบิน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 มิ.ย. 68)