
นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประชุมร่วมกับสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการหารือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการจราจรในเขตท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) วานนี้ (24 มิ.ย.)ว่า ปัญหาการจราจรติดขัดภายในเขตท่าเรือแหลมฉบังได้ส่งผลกระทบรุนแรงต่อภาคการขนส่งและระบบโลจิสติกส์ของประเทศ โดยเฉพาะรถบรรทุกที่เข้าไปส่งและรับตู้สินค้า ต้องใช้เวลารอคอยเฉลี่ย 10-20 ชั่วโมงต่อเที่ยวงาน ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงเกินความจำเป็นและไม่สอดคล้องกับต้นทุนการดำเนินงาน
นอกจากนี้ ยังพบว่าพนักงานขับรถหลายรายต้องทำงานเกินระยะเวลาที่กฎหมายแรงงานกำหนด ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความปลอดภัย ซึ่งเป็นปัญหาที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและเป็นระบบ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในระยะสั้น และวางรากฐานการบริหารจัดการในระยะยาว จึงได้กำหนดแนวทางแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ดังนี้
1.) การจัดระเบียบพื้นที่และบริหารการจราจร จัดสรรลานจอดรถบรรทุกที่รอเข้าท่าเทียบเรือ 70 ไร่ และ 22 ไร่ เพื่อลดการจอดซ้อนหรือไหลล้นสู่ถนนสาธารณะ และเพิ่มห้องสุขาเคลื่อนที่12 จุดเพื่ออำนวยความสะดวกผู้ขับขี่รถบรรทุกสินค้า
2.) ประสานกรมศุลกากรเพื่อขออนุญาตนำตู้สินค้าขาเข้าไปพักนอกเขตท่าเรือเป็นการชั่วคราว เพื่อลดความแออัดภายในพื้นที่ท่าเทียบเรือ และวางกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง
3.) นำระบบ Truck Queue มาใช้แบบครบวงจร 100% เพื่อจัดลำดับการเข้า – ออกของรถบรรทุกเพื่อบริหารจัดการคิวรถบรรทุกทุกคันอย่างเป็นธรรม และลดความแออัดบริเวณหน้าทางเข้า รวมถึงจัดเตรียมพื้นที่นอกเขตรั้วศุลกากรสำหรับรองรับรถบรรทุกสินค้าที่รอเข้าคิว และพัฒนาแอปพลิเคชั่น (Dash board) บนโทรศัพท์มือถือ ติดตั้งกล้อง CCTV และระบบตรวจสอบแบบเรียลไทม์เพื่อติดตามสถานการณ์จราจร
4.) พัฒนาระบบเชื่อมโยงฐานข้อมูลระหว่างท่าเรือ สายการเดินเรือ ผู้ประกอบการขนส่ง และ ผู้ใช้บริการให้ทำงานบนฐานข้อมูลกลาง เพื่อให้กระบวนการเคลียร์สินค้าและตู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
5.) มาตรการระยะกลางและระยะยาว ส่งเสริมการจองคิวล่วงหน้าผ่านระบบออนไลน์ เพื่อกระจายปริมาณรถตามรอบเวลา และศึกษาการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น แนวคิดการก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟหรืออุโมงค์ พัฒนาระบบ Smart Port เพื่อให้ท่าเรือสามารถบริหารจัดการทรัพยากรและการจราจรได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยระบบอัตโนมัติ
นายสรวุฒิ กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแสดงความพร้อมในการร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนมาตรการ ระยะกลาง และระยะยาวอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเพื่อคืนความเชื่อมั่นในระบบโลจิสติกส์ไทยและลดผลกระทบต่อผู้ประกอบการ พนักงานขับรถบรรทุกในพื้นที่โดยเร็วที่สุด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 มิ.ย. 68)