
นายวิน พรหมแพทย์, CFA ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า กองทุน K-HDThaiESGX และ K-70ThaiESGX ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง การันตีได้จากมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) รวมกว่า 4,400 ล้านบาท (ข้อมูลจาก Morningstar ณ วันที่ 25 มิถุนายน 2568) ทั้งนี้บลจ.กสิกรไทย ชวนผู้ลงทุนที่ต้องการคว้าโอกาสการลงทุนในหุ้นไทยยั่งยืนพร้อมรับสิทธิลดหย่อนภาษีปี 2568 สูงสุดถึง 600,000 บาท มาลงทุนกับกองทุน K-HDThaiESGX และ K-70ThaiESGX ในช่วงโค้งสุดท้าย ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2568
นายวินกล่าวต่อไปว่า กองทุน Thai ESGX จากบลจ.กสิกรไทย เป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้นไทยอย่างยั่งยืน กองทุนนี้มีนโยบายลงทุนในหุ้นไทยยั่งยืนตามดัชนี SET High Dividend 30 Index (SETHD) ซึ่งประกอบด้วยหุ้นของบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพและศักยภาพการจ่ายเงินปันผลสูง จึงช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนในสภาวะตลาดที่มีความไม่แน่นอน นอกจากนี้ หุ้นในดัชนี SETHD ยังมีการประเมินมูลค่าที่น่าสนใจกว่าดัชนี SET อย่างมีนัยสำคัญ และกว่า 90% ของหุ้นเหล่านี้ได้รับการจัดอันดับ SET ESG Rating ในระดับสูง ซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพและการคำนึงถึงความยั่งยืนของกิจการ
บลจ.กสิกรไทยยังคงคาดการณ์อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ของดัชนี SETHD ในปีนี้และอีก 2 ปีข้างหน้าไว้ที่ประมาณ 5-6% ต่อปี ซึ่งเป็นระดับที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการรายได้สม่ำเสมอ ยิ่งไปกว่านั้น กองทุนยังมีการเข้าลงทุนในตราสารหนี้ไทยคุณภาพดี เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนและเสริมความมั่นคงให้กับพอร์ตการลงทุนในภาวะตลาดผันผวน
“ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1100 จุด สะท้อนให้เห็นว่าความเสี่ยงด้านขาลงมีจำกัด เนื่องจากปัจจัยลบส่วนใหญ่ได้ถูกสะท้อนในราคาตลาดแล้ว ตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายที่อัตราส่วนราคาต่อกำไร (12-month forward P/E) ที่ 11.7 เท่า ซึ่งต่ำกว่าช่วงวิกฤตการณ์ COVID-19 และต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ 15.2 เท่าอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ อัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (forward P/B) อยู่ที่ 1.0 เท่า ซึ่งต่ำกว่าช่วง COVID-19 ที่ 1.1 เท่า ในขณะที่อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ของตลาดไทย 1 ปีข้างหน้า คาดการณ์ไว้ที่ 8.6% ซึ่งฟื้นตัวจากระดับ 5.9% หลังช่วง COVID-19 ที่สำคัญคือ หุ้นในกลุ่ม SETHD มีคาดการณ์เงินปันผลสูงถึง 5.9% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 4.33% และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดรวมที่ 4.6% จึงนับเป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนที่มองหามูลค่าและผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สม่ำเสมอ” นายวินกล่าว
นายวินกล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุน K-HDThaiESGX มีนโยบายการลงทุนที่เน้นลงทุน 100% ในหุ้นยั่งยืนปันผลสูง และ K-70ThaiESGX มีนโยบายการลงทุนที่กระจายลงทุน 70% ในหุ้นยั่งยืนปันผลสูงและ 30% ในตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน โดยมีให้เลือกทั้ง Share Class สำหรับเงินลงทุนใหม่ และสำหรับการสับเปลี่ยนจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย แนะนำผู้ลงทุนที่มีฐานภาษีตั้งแต่ 25% ขึ้นไป และ/หรือ มีเงินลงทุนใน LTF เดิมไม่เกิน 500,000 – 1,000,000 บาท ให้พิจารณาสับเปลี่ยนมายังกองทุน Thai ESGX เพื่อรับสิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมสูงสุด 500,000 บาท (ปี 2568 จำนวน 300,000 บาท และปี 2569-2572 ปีละไม่เกิน 50,000 บาท) อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนควรพิจารณาสภาพคล่องทางการเงินและสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไทยโดยรวมของพอร์ตภายหลังการสับเปลี่ยนร่วมด้วย เนื่องจากการลงทุนในกองทุน Thai ESGX มีเงื่อนไขสำคัญคือต้องสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF ที่มีอยู่ทั้งหมด และถือครองกองทุน Thai ESGX ต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 มิ.ย. 68)