
นายพันธ์ พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ [TFMAMA] กล่าวว่า ทิศทางการเติบโตของธุรกิจว่าในปี 68 คาดว่าภาพรวมผลการดำเนินงานจะยังมีการเติบโตต่อเนื่อง แต่คาดว่าการเติบโตจะไม่มากเท่ากับปี 67 เนื่องจากปัจจุบันเผชิญความท้าทายด้านกำลังการผลิตที่ตึงตัว โดยบริษัทเตรียมขยายกำลังการผลิตเพิ่มในโรงงานที่ จ.ระยอง คาดจะเริ่มเดินเครื่องได้ช่วงต้นปี 69
“ผลการดำเนินงานอาจจะไม่ได้เท่าปีที่แล้ว แต่ดีกว่าที่เราคาด ยอดขายไม่แย่ โตน้อยไปหน่อย แต่อยู่ในเกณฑ์คาดหมายได้ว่าอาจจะไม่ได้ Worse case แต่ผลประกอบการสุดท้ายจะเป็นตัวเลขค่อนข้างดี” นายพันธ์ กล่าว
โดยปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 7 ล้านซอง/วัน ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาแผนการขยายกำลังการผลิตล่าช้าจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การนำเข้าเครื่องจักรจากต่างประเทศไม่สามารถทำได้ สวนทางกับความต้องการที่เติบโตขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย บริษัทได้ทำการสั่งซื้อเครื่องจักรเพื่อขยายกำลังการผลิต แต่ก็ต้องใช้เวลาในการนำเข้าและติดตั้งราว 9-10 เดือน ทำให้การขยายการผลิตยังไม่ทันต่อการเติบโตของยอดขาย ทั้งนี้ในการติดตั้งขยายเครื่องจักรจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ 20% ต่อเครื่อง
“การขยายกำลังการผลิตของเราตอนนี้ยังตามไม่ทันยอดขาย โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่เติบโตเร็วอย่างบะหมี่กลุ่มพรีเมียม ซึ่งปีที่แล้วแบรนด์ OK เติบโตถึง 30% และเทรนด์ Big Pack ก็มาแรงมาก ทำให้เครื่องจักรสำหรับสินค้ากลุ่มนี้เต็มกำลังการผลิต แต่สำหรับสินค้าหลักอย่างมาม่าซองละ 7 บาท เรายืนยันว่าจะไม่ปล่อยให้ขาดตลาดเด็ดขาด เพราะเป็นสินค้าจำเป็นสำหรับประชาชน” นายพันธ์ กล่าว
ทั้งนี้ในปี 68 บริษัทชะลอการขยายเครื่องจักรที่โรงงานในฮังการี เนื่องจากในฮังการีมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านแรงงาน นอกจากนี้จากสถานการณ์สงครามทำให้ต้นทุนพลังงานและการก่อสร้างสูงขึ้น ทำให้ผลตอบแทนด้านการลงทุนไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดจากเดิมคาดว่าจะคืนทุนในปีที่ 7 แต่ล่าช้าเป็น 12 ปี จึงชะลอการลงทุนในฮังการีไปก่อน ซึ่งปัจจุบันโรงงานในฮังการีมีเครื่องจักรอยู่ 2 เครื่อง กำลังการผลิตราว 6 แสนซองต่อวัน ซึ่งยังมี Capacity ในการผลิตเหลืออยู่ โดยแผนการลงทุนบริษัทจะพิจารณาความเสี่ยงและผลตอบแทนที่จะได้รับ ซึ่งหากได้รับผลตอบแทนการลงทุน (ROI) มากกว่า 15% ก็น่าพิจารณาลงทุน อย่างไรก็ตามต้องพิจารณาระยะเวลาที่จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนด้วย
ส่วนโรงงานในประเทศกัมพูชายังคงดำเนินการผลิตตามปกติ แต่ยอมรับว่าการขนส่งข้ามแดนได้รับผลกระทบระยะสั้นจากสถานการณ์ปิดด่านชายแดนในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 มิ.ย. 68)