
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก มีมติวันนี้ (3 ก.ค.) ด้วยคะแนนเสียงฉิวเฉียด 219 ต่อ 213 เสียง ให้เดินหน้าพิจารณาร่างกฎหมายด้านภาษีและการคลังของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดตลอดคืนที่ผ่านมา ซึ่งเกือบต้องล่มลงจากเสียงของสมาชิกพรรครีพับลิกันเองที่โหวตสวนมติพรรค
การลงมติดังกล่าวถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของกลุ่มแกนนำพรรครีพับลิกันที่พยายามผลักดันนโยบายหลักในวาระการดำรงตำแหน่งสมัยที่สองของปธน.ทรัมป์ให้เป็นผลสำเร็จ
การลงมติเต็มไปด้วยความวุ่นวายและต้องใช้เวลาเจรจาต่อรองนานหลายชั่วโมงกว่าที่พรรครีพับลิกันจะสามารถรวบรวมเสียงข้างมากที่มีอยู่อย่างปริ่มน้ำ และสยบเสียงคัดค้านจากภายในพรรคได้สำเร็จในที่สุด โดยประธานสภาฯ ไมค์ จอห์นสัน สามารถผลักดันร่างกฎหมายไปต่อได้ โดยมีสมาชิกโหวตสวนเพียงไม่กี่คน
สำหรับร่างกฎหมายฉบับสุดท้ายนี้ มีสาระสำคัญคือการขยายเวลามาตรการลดหย่อนภาษีปี 2560 เพิ่มงบประมาณสำหรับความมั่นคงชายแดน แต่ขณะเดียวกันก็จะมีการตัดลดงบประมาณประกันสุขภาพและโครงการโภชนาการสำหรับผู้มีรายได้น้อย
หลังจากนี้ สภาผู้แทนฯ จะอภิปรายและลงมติในตัวร่างกฎหมายอีกครั้ง ก่อนจะส่งต่อไปยังโต๊ะของปธน.ทรัมป์เพื่อลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ สภาผู้แทนฯ ได้รับร่างกฎหมายฉบับแก้ไขมาจากวุฒิสภาเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา (1 ก.ค.) หลังจากที่ร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านการอนุมัติจากวุฒิสภามาได้อย่างหวุดหวิด 51 ต่อ 50 โดยต้องอาศัยคะแนนเสียงชี้ขาดจากเจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ
การเปลี่ยนแปลงสำคัญที่วุฒิสภาเพิ่มเข้ามา คือการตัดลดงบประมาณโครงการเมดิเคด (Medicaid) มากขึ้น และการขยายเพดานหนี้สาธารณะถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าร่างของสภาผู้แทนฯ ที่เสนอไว้ที่ 4 ล้านล้านดอลลาร์ และเป็นสาเหตุที่ทำให้สมาชิกพรรครีพับลิกันจำนวนมากแสดงความกังวล
อย่างไรก็ดี กลุ่มแกนนำพรรคฯ ปฏิเสธที่จะแก้ไขร่างกฎหมายดังกล่าวอีก เนื่องจากไม่ต้องการให้กระบวนการล่าช้าออกไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ก.ค. 68)