
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (9 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร ขณะที่นักลงทุนรอดูความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU)
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 549.96 จุด เพิ่มขึ้น 4.25 จุด หรือ +0.78% โดยดัชนีปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 มิ.ย.
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,878.46 จุด เพิ่มขึ้น 111.75 จุด หรือ +1.44%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,549.56 จุด เพิ่มขึ้น 342.65 จุด หรือ +1.42% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,867.02 จุด เพิ่มขึ้น 12.84 จุด หรือ +0.15%
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ EU เปิดเผยว่า EU อาจบรรลุข้อตกลงการค้าเบื้องต้นกับสหรัฐฯ ได้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันอังคาร (8 ก.ค.) ว่า เขามีเวลาอีกประมาณสองวันในการส่งจดหมายถึง EU เพื่อแจ้งอัตราภาษีศุลกากรที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บจากสินค้า EU
นักวิเคราะห์จากบริษัท HSBC Global Private Banking and Premier Wealth กล่าวว่า ท่าทีของ EU ถือเป็นสัญญาณบวกและเป็นการแสดงออกถึงความเต็มใจที่จะคลี่คลายความขัดแย้งด้านการค้ากับสหรัฐฯ
ขณะเดียวกันการที่สหรัฐฯ เลื่อนกำหนดเวลาการเรียกเก็บภาษีศุลกากรออกไปเป็นวันที่ 1 ส.ค. จากเดิมวันที่ 9 ก.ค. ทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าบรรดาประเทศคู่ค้าจะสามารถเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อคลี่คลายความตึงเครียดด้านการค้า
ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารยูโรโซนพุ่งขึ้น 2.7% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2553 นำโดยหุ้นยูนิเครดิต (UniCredit) ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของอิตาลี ทะยานขึ้น 4.6% ขณะที่หุ้นธนาคารโซซิเอเต้ เจเนอราล (Societe Generale) ของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 4%
หุ้นบริษัท EssilorLuxottica ผู้ผลิตแว่นตาเจ้าของแบรนด์ดังอย่าง Ray-Ban พุ่งขึ้น 5.6% หลังมีรายงานว่าบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms) ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ เข้าซื้อหุ้นเกือบ 3% ใน EssilorLuxottica คิดเป็นมูลค่า 3 พันล้านยูโร (3.5 พันล้านดอลลาร์) และกำลังพิจารณาเพิ่มการลงทุนด้วยการถือหุ้นราว 5% ในอนาคต
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ก.ค. 68)