“ทักษิณ” ชี้การเมืองไร้เสถียรภาพถ่วงศก. ชูทางรอด new money สร้างความหวังให้คนไทย

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษาประธานอาเซียน ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” ว่า ปัญหาของประเทศวันนี้ เรื่องแรก คือ ปัญหาการเมือง ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับปี 40 ถือว่าเป็นรัฐธรรมนูญดีที่สุด เป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน พรรคไทยรักไทย ที่ขายนโยบายและชนะเลือกตั้งถล่มทลาย แต่เมื่อปฏิวัติประเทศไทยถอยหลังกลับไปหมด และวันนี้การตั้งรัฐบาลผสมหลายพรรค ทำให้การเมืองไม่มีเสถียรภาพ ผลสุดท้ายบ้านเมืองไม่ไปไหน

นายทักษิณ ย้ำว่า ถึงเวลาที่คนไทยจะต้องปล่อยวางความเกลียดชัง และหันหน้าเข้าหากัน เพราะประเทศเราพัฒนาช้ามากแล้ว ทุกอย่างช้ามา 20 ปีแล้ว

“ใครจะไปคิดว่า รัฐบาลจะเปลี่ยนนายกฯ ไม่มีหรอก เพราะเราต้องทำงานต่อเนื่อง นายกฯ แพทองธาร เป็นนายกฯ ก็แถมผม ผมขอเป็นเสมียนประเทศ” นายทักษิณ กล่าว

พร้อมนำเสนอ ระบบผู้ว่าฯ CEO กลับมา ซึ่งการบริหารแบบ CEO นั้น นักธุรกิจรู้จักดีว่ามียุทธศาสตร์ มีเป้าหมาย มีการประเมินผล และการปรับปรุงประสิทธิภาพอยู่ตลอดเวลา

เรื่องที่ 2 คือ การเจรจาภาษีทรัมป์ ซึ่งทีมไทยแลนด์กำลังเจรจาอยู่ โดยไทยได้ยื่นข้อเสนอใหม่ ๆ ซึ่งนายกฯ นั่งกำกับไม่ให้เราเสียเปรียบ ไม่ให้ถูกเบียดเบียน ซึ่งสินค้าที่มีเอฟเฟคกับไทยโดยตรง คือ สินค้าเกษตร สินค้าอัญมณี เรากำลังแก้ไขและได้ให้แนวทางเดียวกันว่า ถ้าเราจะนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ แล้วมาแข่งขันกับสินค้าที่เรานำเข้าจากประเทศอื่นถือเป็นเรื่องที่ดี และยอมให้มาแข่งกันเอง สมมติว่า เนื้อแข่งกับออสเตรเลีย เราไม่ว่ากัน หรือหลาย ๆ อย่างที่เปิดได้เราก็เปิด ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นข้อเสนอที่นำการตกลงใจกันได้

“ขอให้จำไว้ว่า คำว่าดีล ไม่มีจบ ไม่พอใจก็ดีลกันต่อ ต้องมีการเจรจาตลอดไปต่อเนื่อง” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวถึงสาเหตุที่ GDP ไทยโตน้อยกว่าศักยภาพมาจาก

1. เราบริหารโดยไม่บริหารมานาน ไม่มีกลยุทธ์ ไม่มีทิศทาง จะแข่งขันอย่างไร ทำให้ไทยโตช้า

2. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พยายามรักษาสถานะธนาคารพาณิชย์ โดยดึงฐานเงินจากระบบมาก ทำให้ธนาคารพาณิชย์มีความเสี่ยงน้อย ส่งผลให้ธุรกิจเหนื่อย เพราะไม่รู้ว่าจะหาแหล่งเงินที่ไหน

3. เราไม่ป้องกันตัวเอง เมื่อจีนส่งสินค้าเข้ามา มีคอรัปชั่นตามชายแดน ส่งผลกระทบกับ SME และเทคโนโลยีเราไม่ทันสมัย และไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสินค้า ซึ่งทั้ง 3 ข้อทำให้เศรษฐกิจชะงักงันมา

นายทักษิณ กล่าวว่า ปัญหาการเมืองยากกว่าปัญหาเศรษฐกิจที่เป็นไปตามภาวะของเศรษฐกิจโลกที่คาดเดาได้ เศรษฐกิจในปัจจุบันมีทั้งความโชคดีและโชคร้าย ซึ่งโชคร้าย คือ เศรษฐกิจแย่ เสียหายมาก แต่โชคดี มีเทคโนโลยีเราสามารถใช้เม็ดเงินสองส่วน เอาหนี้มาทำสภาพคล่องด้วยเหรียญจีโทเคนได้

“ไม่มีอะไรที่จะทำไม่ได้ถ้าเราจะทำ ซึ่งการเป็นรัฐบาลต้องอาศัยความร่วมมือ วิธีคิดเราไม่มีตัน ที่สำคัญที่สุด ต้องเอาเงินในทุกสภาพใช้ในประเทศไทยให้มากที่สุด ส่วนที่ต่างชาติเทขายในตลาดหลักทรัพย์ นายทักษิณ มองว่า มันเรื่องไก่กับไข่ ถ้าประเทศดีก็กลับมา เงินไปที่ทำเงิน ถ้าไม่มีทำเงินก็หาที่ทำเงินที่ใหม่ ที่คือลักษณะลัทธิทุนนิยม” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวว่า ตนเป็นห่วงเสถียรภาพทางการเมืองทำให้การทำงานไม่ต่อเนื่อง แต่จากผลสำรวจ คนสนใจ เรื่อง Hope 62% แต่เรื่องการเมืองคนสนใจแค่ 3%

 

  • เสนอหาเงินใหม่เข้าประเทศ พาไทยผ่านวิกฤติ

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า สิ่งที่ประเทศไทยควรจะทำ คือ ควรจะมีการตั้ง AMC ภาคครัวเรือน แม้ในขณะนี้ กระทรวงการคลังยังไม่รับลูกเท่าไร แต่คิดว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะหนี้ครัวเรือนสูงมาก เศรษฐกิจไม่ดีมานานตั้งแต่ก่อนโควิด ปัจจุบันหนี้สินคนไทย 92% ของจีดีพี โดยนำหนี้ตรงนี้มาแยกบริหารเอง ซึ่งวันนี้กำลังซื้อยังไม่กลับมา ไม่สามารถดิ้นรนทำมาหากินเรื่องใหม่ ๆ ได้

นอกจากนี้ ต้องฟื้นกองทุนหมู่บ้าน และเติมงบให้ชุมชนมีเงินบริหารจัดการเอง เช่นเดียวกับโครงการ SML ในอดีต อีกทั้งยังต้อง empower คนไทยทั้งประเทศ ด้วยการส่งเสริมให้ประชาชนได้เรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ AI เพราะยุคนี้ใครใช้ AI ไม่เป็นจะตามโลกไม่ทัน ซึ่งรัฐบาลได้เตรียมเปิดคอร์สฝึก AI ออนไลน์ ให้ประชาชนเรียนฟรี ผ่านเว็บและแอปฯ เมื่อเรียนจบจะได้โทเคนสำหรับใช้งานระบบ AI ได้จริง เพื่อให้คนไทยพร้อมรับมือโลกอนาคต แม้แต่โรงพยาบาล ก็อาจมี AI ช่วยทำงานแทบทุกขั้นตอนในอนาคตด้วย

 

  • ภายใน 3 เดือน เปิด Sandbox ใช้คริปโทฯ ชำระสินค้า

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า อีกไม่นานภายใน 2-3 เดือน จะมีการทำ Sandbox ทั่วประเทศ เพราะธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ความร่วมมือเรื่อง E-money ก็จะทำให้ไทยมีคริปโตดังๆ ของโลกสามารถนำมาจับจ่ายใช้สอยที่ประเทศไทยได้ และหากสกุลเงินแบบนี้เกิดขึ้น เชื่อว่าก็จะมีการจับจ่ายใช้สอยในประเทศไทยมากขึ้น

“สมมติว่า หากนำบิทคอยน์ 500,000 บาทไปซื้อของในห้างเซ็นทรัล ก็สามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้ทันที เพราะมีระบบเน็ตเวิร์ค จึงไม่มีความเสี่ยง ซึ่งนี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยในปีนี้” นายทักษิณ กล่าว

พร้อมกันนี้ มองว่าต้องรีบฟื้นตลาดหุ้น ด้วยการทำให้เกิด Trust and Confidence และต้องแก้ไขกฏระเบียบเก่า ๆ ซึ่งจากกรณีเรื่องหุ้น STARK ส่งผลให้ขาดความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นไทย

นายทักษิณ กล่าวว่า วันนี้เราต้องหาการเงินใหม่ ๆ โดยเฉพาะเงินภาคเอกชน และเงินต่างประเทศ เข้ามาช่วยลงทุนให้ไทย เพราะวันนี้รัฐกู้อีกไม่ไหว เนื่องจากเต็มเพดานแล้ว โดยเรื่องถมทะเล เชื่อว่าหลายประเทศสนใจ เพราะเราจะมีเรื่องทรัพย์อิงสิทธิ์ 99 ปีอยู่แล้ว ก็จะทำให้คนกล้าลงทุนเอาดินไปถมทะเล แต่เราจะต้องมีผังให้ชัด

“ที่วันนี้กำลังก้าวหน้าไปเยอะ คือ เรื่องถมทะเล โดยเราอยากป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ ฉะนั้นทุกประเทศมีการถมทะเล (land reclaim) ของเรายังไม่ค่อยทำ แต่มีทำแถวมาบตาพุด แต่หากเราทำตรงนี้ จะได้ที่ดินขึ้นมาอีกหลายแสนไร่ เพราะเราจะมีเรื่องทรัพย์อิงสิทธิ์ 99 ปีอยู่แล้ว ก็จะทำให้คนกล้าลงทุนเอาดินไปถมทะเล แต่เราจะต้องมีผังให้ชัดว่าแต่ละเกาะ ให้ทำอะไร” นายทักษิณ กล่าว

  • ดันอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าในไทย-ผลิตไฟฟ้าสีเขียว

นอกจากนี้ ยังได้แนะสร้างอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าของไทยให้ได้ เพราะเทคโนโลยีเหล่านี้ไม่ได้ยาก เช่น ดีไซน์รถตุ๊กตุ๊กใหม่เป็นดีไซน์ของไทย และทำเป็นตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าให้หมดแล้วนำมาใช้แทนตุ๊กตุ๊กในปัจจุบัน เรื่องเหล่านี้สามารถทำได้หมด ตนอยากให้ช่วยกันรักษานิเวศน์ที่ดีอยู่แล้วของอุตสาหกรรมรถยนต์ให้เข้มแข็งต่อไป เพราในอนาคตนอกจากจีนแล้ว ไทยยังต้องเป็นศูนย์ผลิตรถยนต์ได้ ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้เป็นเรื่องเทคโนโลยีที่ยาก สามารถดึงนักลงทุนต่างประเทศมาร่วมลงทุนกับไทยได้

อีกทั้งเสนอประเทศไทยทำโครงการผลิตไฟฟ้าสีเขียว ขนาด 40,000 เมกะวัตต์ ด้วยการตั้งโซล่าฟาร์มบนพื้นที่ 1.4 ล้านไร่ ในที่ดิน สปก. ที่มีมากถึง 40 ล้านไร่ เพื่อทดแทนน้ำมันนำเข้า และใช้ดึงดูด Data Center จากทั่วโลก โดยให้ตั้งศูนย์พลังงานสะอาดในภาคอีสาน แล้วลากสายไฟฟ้าตรงเข้ากรุงเทพฯ แบบไม่พึ่งโครงข่ายเก่า

นอกจากนี้ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ควรเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ ด้วยการนำเงินจากทั่วโลกเข้ามา เช่น การเป็นศูนย์ซ่อมเครื่องบิน เป็น ศูนย์กลางผู้โดยสาร และคลังสินค้า เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการแวะพักเครื่องระหว่างทาง (Transit) ต่ำมาก เนื่องจากการบริการไม่เพียงพอ ซึ่ง AOT สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ไม่ยาก

สำหรับเรื่องการท่องเที่ยว ต้องเร่งเมืองท่องเที่ยวให้เป็น SMART CITY นั่นคือการติดกล้อง AI ให้หมด เพื่อความปลอดภัย เมื่อมีความปลอดภัยเราจะสามารถรับประกันนักท่องเที่ยวได้ เมื่อเรารับประกันนักท่องเที่ยวได้ นักท่องเที่ยวก็จะมาประเทศไทย

“ผมยังคิดว่า ผมไปเมืองจีนเที่ยวหน้า ผมจะสัมภาษณ์หนังสือพิมพ์จีนเอง ถ้าใครมาเมืองไทยแล้วโดนฆ่า โดนปล้น ผมรับผิดชอบให้ ผมจะจ่ายเงินส่วนตัวให้ ผมจะ Insure เองเลย ต้องให้นักท่องเที่ยวมาเมืองไทยให้ได้ ผมเป็นคนชอบเสี่ยงทั้งชีวิต ยกเว้นไม่ได้เล่นการพนัน” นายทักษิณ กล่าว

 

  • ย้ำเดินหน้า Entertainment Complex ที่ต้องมี “กาสิโน”

นอกจากนี้ การจัดเทศกาล Tomorrowland ในปีหน้า และการแข่งขัน Formula 1 (F1) และจะมี Bangkok fashion’s week รวมถึงเรื่องเรื่องเอนเทอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมการท่องเที่ยวทุกอย่าง ซึ่งหากไม่มีกาสิโน ใครจะมาลงทุน แต่ทั้งนี้ ต้องเป็นกาสิโนที่มีระบบคัดกรองลูกค้า หรือ KYC ใครที่เป็นลูกค้าแต่ไม่มีแหล่งที่มาของรายได้ จะไม่สามารถเข้ามาเล่นได้

นายทักษิณ ยังชูแนวคิดเรื่อง Golden visa คือให้วีซ่ากับคนต่างชาติในระยะยาว 10 ปี เพื่อให้สามารถใช้สิทธิ์ซื้อบ้านเพื่อการอยู่อาศัย ซึ่งจะทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคการก่อสร้างเติบโต ขณะเดียวกันก็สร้างรายได้เกือบเท่ากับจีดีพีของประเทศ หากเรามีชาวต่างชาติที่มีฐานะเข้ามาในประเทศก็จะมาช่วยเสียภาษีให้ประเทศไทย ขณะเดียวกันชาวต่างชาติเขาก็อยากมี Golden Visa เพราะประเทศไทยมีการบริการที่ดี

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า สิ่งที่อยากเห็นรัฐบาลนี้ทำ คือ Innovation sandbox รวมทั้งเรื่องของ Stem cells เรามีหมอเก่ง ๆ มากแต่การวิจัยและพัฒนา หรือ R&D เราอ่อนในทุก ๆ มิติ เรามีเงินแต่ใช้เงินผิดประเภท วันนี้เรื่องนวัตกรรมตนอยากหาที่ทำ Sandbox ที่ผ่านกฎหมายระเบียบปัจจุบันเพื่อมาทดลอง เช่น gene therapy ซึ่งการรักษาหรือการพัฒนาคนด้วยยีนส์เกิดขึ้นแล้ว

“เรื่องเศรษฐกิจ ถ้าทำสำเร็จทำให้ประเทศไทย พ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง… ต้องมีเงินใหม่เข้าประเทศเยอะ ๆ และต้องลงไปถึงระดับล่าง เมื่อเงินสะพัดก็จะเกิดการจับจ่ายใช้สอย เศรษฐกิจจะสร้างตัวมันเองขึ้น”

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ก.ค. 68)